ศูนย์ช่วยเหลือฯ เผยเหยื่อโผล่เพิ่มอีก 3 ไฟไหม้เมาน์เทน บี คร่า 15 ศพ อ้างกลับบ้านก่อน จึงไม่มีชื่ออยู่ในระบบ ยันไร้คนมีสีเอี่ยว

จากกรณีเหตุการณ์เพลิงไหม้ผับ เมาน์เทนบี ริมถนนสายสุขุมวิท หมู่ 7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในช่วงเวลา 01.00 ของวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่มีนักท่องเที่ยวกำลังใช้บริการกว่า 100 ชีวิต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 15 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 37 ราย

ล่าสุดเวลาเมื่อ 15.30 น.วันที่ 6 ส.ค.65 ที่ศูนย์อำนวยการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเพลิงไหม้ ร้านเมาน์เท่นบี จ.ชลบุรี อบต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายนริศ นิรามัยวงศ์ รอง ผวจ.ชลบุรี เป็นประธานในการแถลงข่าวความคืบหน้า

โดยสถานการณ์ปัจจุบันนั้นในส่วนตัวเลขของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ยืนยันว่ายังมี 15 ราย เป็นชาย 11 ราย หญิง 4 ราย โดยรายล่าสุดรับแจ้งว่าเสียชีวิตช่วงเช้าวันนี้ที่ รพ.ระยอง ทราบชื่อคือ นายธนกฤต มีน้อย อายุ 36 ปี ขณะที่ยอดจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมีอยู่ที่ 38 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยสีแดงหรือโคม่าที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 16 ราย ผู้ป่วยสีเหลือง 14 ราย และผู้ป่วยสีเขียว 8 รายซึ่งแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว

อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยมาแสดงตัวเพื่อขอรับการเยียวยาเพิ่ม 3 ราย โดยระบุว่าได้กลับบ้านตั้งแต่วันเกิดเหตุจึงไม่อยู่ในฐานข้อมูล ซึ่งจากนี้จะได้ตรวจสอบว่าได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์หรือไม่ต่อไป ส่วนการเยียวยานั้นมีการดำเนินการจากหลายภาคส่วนที่เปิดรับการติดต่อที่ศูนย์ฯ ทั้งสำนักงานยุติธรรมจังหวัดชลบุรี เทศบาลเมืองสัตหีบ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี สำนักงานแรงงานจังหวัดชลบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี สำนักงาน ปภ.จ.ชลบุรี สนง.คปภ.จ.ชลบุรี เป็นต้น เพื่อให้บริการผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มกำลัง โดยขณะนี้ในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้นสามารถประสานงานและติดต่อญาติไว้ได้ทั้งหมดแล้ว

ขณะที่ความคืบหน้าของคดีนั้น พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยว่า ได้มีการจัดตั้งชุดสอบสวนเพื่อติดตามคดีอย่างใกล้ชิด โดยทำงานตลอด 24 ชม. เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ และมีความเกี่ยวโยงในหลายมิติ ทั้งส่วนปกครอง ส่วนท้องถิ่น ส่วนโยธา หรือส่วนของระบบสาธารณูปโภค อย่างการไฟฟ้า ที่สำคัญคือข้อมูลจากพยานที่สอบไปแล้วรวม 24 ปาก และผลทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ในการประกอบสำนวน ที่จะใช้ในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิดต่อไป

สำหรับกรณีของเจ้าของกิจการดังกล่าวนั้น จะมีเพียงใบขออนุญาตเปิดเป็นร้านอาหาร ซึ่งคงจะต้องใช้มาประกอบตามการตรวจสอบบัญชีและต้องมาดูกันต่อไปว่ายื่นแบบโครงสร้างไว้อย่างไร มีการต่อเติมผิดจากเดิมหรือไม่ มีทางออกฉุกเฉิน หรือ ระบบป้องกันเหตุอย่างไร มีการซักซ้อมพนักงานกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือไม่ หรือมีการใช้วัสดุอันตรายที่ผิดตามประกาศเป็นกฎกระทรวง โดยทุกอย่างจะต้องทำการสอบสวนโดยละเอียด ส่วนกรณีที่ว่าคนมีสีเข้าไปมีเอี่ยวจนทำให้เจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยนั้นยืนยันว่าจากการตรวจสอบไม่มีแน่นอน แต่เมื่อสังคมสงสัยก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบซึ่งหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ปกปิด ละเลย ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเด็ดขาด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน