เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 มี.ค. พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเรือง พ.ต.ท.ธนากร อ่อนทองคำ รอง ผกก.สส.3ฯ แถลงผลจับกุมตัวนายณพัทร์ วีรณรงค์ชัยกุล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ซอยราษฎร์บูรณะ 40 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 364/2561 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ข้อหา ร่วมกันแสดงตนเป็นบุคคลอื่นโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง บุคคลที่สามหรือประชาชน

ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้และใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ซึ่งเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และ

ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา พร้อมของกลางต่างๆหลายรายการ โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 14/81 14 ซอยสุขสวัสดิ์ 6 แขวงและเขตจอมทอง กรุงเทพฯ

พ.ต.อ.อิสเรศ เปิดเผยว่า พฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ จะเปิดเพจให้กู้เงินด่วนในเฟซบุ๊ก เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อก็จะนัดเจอตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าต่างๆ จากนั้นจะขอเอกสารต่างๆเช่น บัตรประชาชน สมุดบัญชีธนาคาร และบัตร ATM ซึ่งเป็นของจริง โดยอ้างว่าจะเอาไปประกอบเพื่อพิจารณาในการปล่อยเงินกู้ ใช้เวลาประมาณ 5 ถึง 10 วัน แล้วก็จะโอนเงินเข้าในบัญชี ซึ่งมีผู้เสียหายที่กู้ยืมเงิน 11 ราย

หลังจากนั้นทางผู้ต้องหาก็จะนำเอาเอกสารของผู้เสียหายกลุ่มแรก ไปหลอกเหยื่อกลุ่มที่ 2 ประมาณ 20 ราย โดยเอาเอกสารไปโพสต์ขายสินค้าออนไลน์ เช่น กล้องถ่ายภาพ การ์ดจอ ตามเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หรือไปเปิดเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ทำความผิดต่อไป

ซึ่งถ้ามีเหยื่อหลงเชื่อซื้อสินค้า ก็จะให้โอนเงินเข้าในบัญชีของผู้เสียหายกลุ่มแรก ซึ่งหลังจากโอนเงินซื้อสินค้าให้แล้ว ก็จะยื้อเวลาที่โอนสินค้าประมาณ 2-3 วัน แล้วก็จะหลบหนีและติดต่อไม่ได้ ซึ่งทางกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มที่ 2 ก็คิดว่าถูกผู้เสียหายกลุ่มแรกเป็นคนร้ายที่มาหลอกขายสินค้าในเว็บไซต์ออนไลน์ จึงไปแจ้งความดำนินคดี

แต่หลังเกิดเหตุเหยื่อก็ได้มาร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สส.บช.น.ก็ได้ออกติดตามสืบหาตัวคนร้ายประมาณ 2 ปี จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลาง สำหรับมูลค่าผู้เสียหายทั้งหมดประมาณ 5 แสนบาท

พ.ต.อ.อิสเรศ กล่าวต่อว่า อยากจะฝากถึงผู้ที่เดือดร้อนที่จะไปทำการกู้ยืมเงิน ให้ใช้สำเนาเอกสารและขีดคร่อม อย่าให้เอกสารตัวจริงไป เพราะถ้าหลงเชื่อแล้วถูกนำเอกสารไปทำการหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่น ตัวเองที่กำลังเดือดร้อนอยู่ก็จะตกจะเป็นผู้ต้องหาเสียเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน