เลขา สมช. ลั่น ดำเนินมาตรการเด็ดขาด จำ-ปรับ ผู้ฝ่าฝืนมาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันนี้ (26 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ว่า

วันนี้เป็นการหารือถึงภาพรวมข้อกำหนดต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว รวมทั้งเน้นข้อกำหนดต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้แล้วและยังมีข้อกำหนดบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติจะชี้แจงต่อสาธารณะ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆ ที่ประจำอยู่ตามจุดตรวจ(ด่าน)​ จะแจ้งอีกครั้ง

พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

อย่างกรณีการเดินทางข้ามจังหวัดที่ในข้อเท็จจริงไม่อยากจะให้มีการข้ามที่ไหน แต่ถ้ามีความจำเป็น ต้องข้ามก็จะต้องเจอกับมาตรการที่เข้มข้น ทั้งการตรวจอุปกรณ์ในรถ การตรวจอุณหภูมิร่างกาย การตรวจบัตรประจำตัวประชาชน และถ้าตรวจพบว่ามีไข้ก็จะส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลทันที

เมื่อถามย้ำถึงมาตรการความเข้มข้นในการเดินทางข้ามเขตจังหวัด พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า โดยหลักการไม่ต้องการให้เคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีการแพร่เชื้อจากจังหวัดสู่จังหวัด แต่ต้องการให้จำกัดการเคลื่อนไหวอยู่ในจังหวัดของตัวเอง

แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องข้ามก็จะถูกตรวจอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะความจำเป็นที่ต้องข้ามออกนอกพื้นที่ จึงขอร้องหากไม่จำเป็นอย่าเดินทางข้ามจังหวัด เช่นเดียวกับผู้สูงอายุ ขอให้อยู่แต่ภายในที่พัก เพราะถ้าผู้สูงอายุติดเชื้อ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

เมื่อถามว่าแล้วเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจจะรู้ได้อย่างไร ว่าผู้ที่เดินทางอยู่นั้นมีอาการหรือไม่ พล.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า ส่วนหนึ่งอยู่ที่ตัวของผู้เดินทาง เพราะมาตรการที่ออกมาไม่ใช่เพื่อคนอื่น และอย่าลืมว่าผู้ที่ติดเชื้อและเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว

รวมถึงเด็กเล็กก็เป็นกลุ่มเสี่ยง มาตรการที่ออกมาก็เพื่อให้คนกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ได้ป้องกันตัวเอง ด้วยการไม่ออกจากบ้าน และหากมีความจำเป็นจริงๆ ก็สามารถทำได้

พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ความเสี่ยงอีกอย่างที่น่าเป็นห่วงคือการที่ลูกหลานออกไปข้างนอกแล้วกลับมาอยู่กับกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ จึงจำเป็นก็ต้องมี Social distancing

“สำหรับโทษ ถ้าฝ่าฝืนมาตรการและข้อกำหนดจริงๆ จะรับโทษหนักจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่เราไม่อยากใช้มาตรการลงโทษขนาดนั้น จึงขอความร่วมมือกันก่อน ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนด แต่ถ้ายังไม่เชื่อฟังกันก็ต้องเพิ่มความเข้มข้น และบทลงโทษต่อๆ ไป ซึ่งบทลงโทษถึงวันนี้เจ้าหน้าที่จะจริงจังแล้ว แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับเจตนาว่ามีเจตนาร้ายหรือดีมากน้อยแค่ไหน โดยพื้นที่เข้มข้นจะทำทั่วประเทศพร้อมกัน” พล.อ.สมศักดิ์กล่าว

รายงานข่าวจากที่ประชุม ศบค.เปิดเผยว่า ในที่ประชุมศูนย์ฯ กระทรวงต่างประเทศแสดงความเป็นห่วงตามแนวชายแดนรอบประเทศเป็นพิเศษ ว่าทุกฝ่ายจะต้องระมัดระวัง และดูแลปัญหาดังกล่าวนี้ โดยเฉพาะต่อกรณีการเคลื่อนย้ายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว กลับเข้าไทยหลังเทศกาลสงกรานต์ จะต้องมีการคัดกรองและตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทย


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน