ลูกเพิ่งทำบอลลูนหัวใจ แม่กังวลฉีดเข็ม 2 โทรถามเจ้าหน้าที่บอกฉีดได้ กลับมาเริ่มมีอาการ แค่คงคิดว่าจะเหมือนเข็มแรก เดี๋ยวก็หาย ก่อนสิ้นใจสลด

วันที่ 16 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานงานจาก นางเสาวคนธ์ อู่วิเชียร อายุ 61 ปี แม่ของ นายวัชรพงษ์ ปิ่นสุวรรณ อายุ 38 ปี ผู้เสียชีวิต หลังจากเดินทางไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ก่อนมีอาการจุกแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนำร่างมาบำเพ็ญกุศลที่วัดประตูน้ำท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา

นางเสาวคนธ์ เปิดเผยว่า ตนมั่นใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายนั้น เกิดจากการฉีควัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยลูกชายเป็นผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ที่ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แอสตร้าเซนนิก้า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.64 ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร เมื่อกลับมาบ้านก็มีอาการข้างเคียงเล็กน้อย เจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก ก่อนอาการจะลดลงจนหายไป

กระทั่งวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายต้องเข้ารับการทำบอลลูนหัวใจ จำนวน 2 เส้น ก่อนจะกลับบ้านมาพักฟื้นในวันที่ 9 ต.ค. ซึ่งหลังทำบอลลูนกลับมา ลูกชายของตนยังอาการปกติ แถมยังบอกว่าหายใจได้สะดวกมากขึ้น จนกระทั่งถึงวันนัดในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แอสตร้าเซนนิก้า โดยช่วงเช้าตนได้โทรศัพท์ไปยังศูนย์โรคหัวใจโรงพยาบาลพุทธโสธร สอบถามว่า ลูกชายของตนเพิ่งไปทำบอลลูนหัวใจมา สามารถฉีดได้ไหม โดยเจ้าหน้าที่แจ้งกลับมาว่าให้ไปฉีดได้เลย และให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ด้านหน้า ว่าไปทำบอลลูนหัวใจมา

ตนจึงให้ นายมาโนช ปิ่นสุวรรณ สามีของตน พาลูกชายไปฉีดวัคซีน ที่ศูนย์ฉีควัคซีนมหาวิทยาลัยราชรัฏราชนครินทร์ฉะเชิงเทรา กระทั่งหลังฉีดวัคซีนกลับมาช่วงเย็นของวันที่ 11 ต.ค. ลูกชายเริ่มมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก อยากจะอาเจียน ตนก็ให้ลูกเป็นโรงพยาบาล แต่ลูกไม่ยอมไป คิดว่าคงเป็นอาการเหมือนการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วจะหายไป

เวลาผ่านมาถึงวันที่ 15 ต.ค. ลูกชายของตนได้บอกว่าไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก จึงได้ให้สามี พาลูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้พาลูกชายของตนเข้าห้อง ไอซียู ก่อนจะออกมาแจ้งว่า ลูกชายหัวใจหยุดเต้นแล้ว หมอได้พยายามปั๊มหัวใจ แต่ไม่ตอบสนอง โดยแพทย์วินิจฉัยสาเหตุของการเสียชีวิตมาว่า กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

ขณะที่ นายมาโนช พ่อของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า สาเหตุที่ลูกชายเสียชีวิตนั้น น่าจะมาจากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 นี้ เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายก็ปกติดีทุกอย่าง ซึ่งก่อนไปฉีดก็โทรศัพท์ถามเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลแล้วว่าลูกชายสามารถเดินทางไปฉีดได้ไหม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าได้ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลรับผิดชอบ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายของตน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน