ลูกชายร้านข้าวแกงปืนโหด บุกรัว ยิงพ่อค้าส้มโอดับ หันยิงเมียแต่กระสุนไม่ออก ก่อนสิ่งขึ้นรถกระบะหนี แม่คนก่อเหตุวิ่งเข้าไปช่วยพาส่งโรงพยาบาล
ยิงพ่อค้าส้มโอดับ วันที่ 24 มี.ค. ร.ต.อ.พนมพร ปานมาตร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ รับแจ้งจาก ร.พ.อ่าวลึก ว่ามีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำมารักษาตัวที่ ร.พ.อ่าวลึก จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ต.วิทยา ทองคง สว.สส.สภ.อ่าวลึก จนท.ชุดสืบสวน รุดไปตรวจสอบ
ที่ ร.พ.อ่าวลึก เจ้าหน้าที่พบ น.ส.พานิช แซ่อุ๋ย อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้บาดเจ็บ ยืนรอให้การกับตำรวจ โดยผู้บาดเจ็บคือ นายพีระพงษ์ นิลบุตร อายุ 33 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณกกหูด้านขวา 1 นัด ขาขวา 1 นัด เสียเลือดมากก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนที่เกิดเหตุเป็นบริเวณร้านขายส้มโอ ริมถนนช่องเขา หมู่ 2 ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบเป็นร้านขายส้มโอแบบกางเต้นท์ริมถนน หลังร้านมีกระท่อมไม้ไผ่ 1 หลัง มีกองเลือดอยู่ด้านข้างกระท่อม 1 กอง ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นปืนลูกโม่ เพราะไม่พบปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
จากการสอบสวน น.ส.พานิช ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุสามีของตน กำลังยืนกรอกน้ำใส่ขวดอยู่ใกล้ๆ กับกระท่อม และกำลังซ่อมแซมผนังกระท่อมอยู่ ส่วนตนนั่งอยู่ที่บันไดของกระท่อม ซึ่งอยู่ใกล้กัน จากนั้นมีคนร้ายทราบชื่อคือ นายณัฐิวุฒิ หยดย้อย อายุ 27 ปี ลูกชายของร้านขายข้าวแกงชื่อดังของ อ.อ่าวลึก ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านขายส้มโอของตน เดินมาทางด้านหลัง แล้วไม่พูดจาอะไร ใช้ปืนยิงใส่สามีตนไปหลายนัด ตนก็ตะโกนถามว่ายิงทำไม คนร้ายก็หันปืนมายิงใส่ตน แต่กระสุนไม่ลั่น จากนั้นคนร้ายวิ่งหนีออกไปทางหน้าร้าน ข้ามถนนไปขึ้นรถกระบะโตโยต้า วีโก้ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์เทา ไม่ทราบทะเบียน ขับหลบหนีออกไป ส่วนแม่ของคนก่อเหตุซึ่งอยู่ที่ร้านฝั่งตรงข้ามเห็นเข้าจึงรีบวิ่งมาช่วยนำสามีตนขึ้นรถไปส่ง ร.พ.อ่าวลึก
ด้านตำรวจได้ออกติดตามหาภาพจากกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี รวมทั้งนำตัวพยานที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนปมสังหารเชื่อว่าเกิดจากปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว เนื่องจากผู้ตายและภรรยา เพิ่งมาเช่าที่ดินว่างใกล้บ้านผู้ก่อเหตุ เปิดร้านขายส้มโอได้ประมาณ 1 เดือนเศษ อาจจะมีปัญหากระทบกระทั่งกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจจะสอบสวนญาติ และภรรยาผู้ตาย หาสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงเร่งติดตามตัวคนมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
