ผบช.น. เผย แจ้งข้อหา พ.ต.ท. เอี่ยวร่วมแก๊งต่างชาติ อุ้มนักธุรกิจชาวไต้หวัน เรียกค่าไถ 90 ล้าน พบผู้ร่วมกระทำผิด เป็นต่างชาติ 7 คน ไทย 1 คน

จากกรณีกองปราบจับกุมนายเจเรมี่ แมนเชสเตอร์ สัญชาติ อเมริกัน นายลูอิส ซิสกิน สัญชาติอเมริกัน อดีตทหารนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา และนายเอกบดินทร์ ประสิทธิ์นฤทธิ์ ก่อเหตุอุ้มนักธุรกิจไต้หวัน เรียกค่าไถ่ 90 ล้านบาท กลางกรุงเทพฯ ย่านทองหล่อเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 64 มีผู้ร่วมกระทำผิดรวม 8 คน เป็นต่างชาติ 7 คน ไทย 1 คน พื้นที่สน.ทองหล่อ มาตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 พ.ค. 2564 ที่บช.น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่า ทางตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับได้ 6 ราย โดยที่ผู้เสียหายและกลุ่มผู้ต้องหารู้จักกัน ร่วมทำธุรกิจด้วยกัน

จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจสน.ทองหล่อ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหารายที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พ.ต.ท. ตำแหน่งรองผกก. สังกัด บก.จร. อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ จะทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ไปฝากขังที่ศาลอาญา และมีการคัดค้านการประกันตัว

เนื่องจากว่าคดีดังกล่าวผู้ต้องหาบางส่วนเป็นชาวต่างชาติ ถิ่นที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งเกรงว่าจะหลบหนี และการกระทำความผิดกระทำในช่วงเวลากลางวัน ถือเป็นกรณีอุกอาจสะเทือนขวัญโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

ส่วนกรณีผู้ต้องหาอีก 2 คน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติอยู่ระหว่างหลบหนีนั้น อยู่ระหว่างเร่งรัดในการจับกุมตัว พร้อมทั้งเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการพิสูจน์ทราบคนร้ายอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวตามที่เสนอข่าวออกไปนั้น เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ประกอบกับผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุเป็นชาวต่างชาติ การรวบรวมพยานหลักฐานต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล

เมื่อถามว่าทางบก.ป. ระบุว่ามีผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คน นั้นพล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือว่าข้อมูลสอดคล้องกัน อย่างกรณีที่มีการกระทำความผิด ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีผู้กระทำความผิดมากกว่า 6 ราย แต่อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล และผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมีการปิดบังใบหน้า

ซึ่งมีการออกหมายจับทั้งหมด 6 ราย แต่คนอื่น ๆ เป็นเพียงแค่การออกหมายจับตามภาพถ่าย แต่ยืนยันตามหลักฐานที่พบแน่ชัดนั้น มีผู้กระทำความผิดในขณะนี้ 6 ราย ส่วนชาวต่างชาติ 2 รายที่หลบหนี จากการตรวจสอบเชื่อได้ว่ายังคงหลบหนีอยู่ภายในประเทศไทย

เมื่อถามถึง นายตำรวจยศ พ.ต.ท. สังกัด บก.จร. ไปอยู่ภายในที่เกิดเหตุได้อย่างไรนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องในสำนวนการสอบสวน แต่ทางพนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ ได้แจ้งข้อกล่าวหาเดียวกันกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุไม่ได้ใส่เครื่องแบบ

โดยข้อหาที่แจ้งคือร่วมกันเรียกค่าไถ่ พยายามฆ่า ทำร้ายร่างกาย หน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนใจ และซ่องโจร ส่วนการพิจารณาโทษทางวินัยรองผกก. ยศ พ.ต.ท. นั้น หลังจากที่ผู้เสียหายได้มีการร้แงทุกข์กล่าวโทษแล้วรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบทางต้นสังกัด บก.จร. ได้สั่งมาช่วยปฏิบัติราชการที่ต้นสังกัดทันที แต่ระหว่างนั้นยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่เสร็จสิ้นก่อนมาถูกจับได้ดังกล่าว

และจะมีการพิจารณาโทษทางวินัยคือผิดวินัยร้ายแรง เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ ถือเป็นความผิดโดยประมาท เป็นการกระทำคงามผิดอาญาก็ต้องถูกดำเนินการทางวินัยอีกด้วย

เมื่อถามว่ามีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่พบบุคคลที่มีชื่อเสียงเกี่ยวข้องเพิ่มเติมแต่อย่างใด หากรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องแน่ชัดก็จะออกหมายจับเพิ่มเติมอีกครั้ง

ส่วนการเดินเข้ามาของผู้ต้องหาชาวต่างชาติทั้ง 4 คนนั้น ได้รับวีซ่าทำงานในประเทศไทยมีการตั้งบริษัทเกี่ยวกับการให้คำแนะช่วยเหลือชาวต่างชาติที่ทำธุกิจในประเทศไทย อยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติบริษัทดังกล่าว

เมื่อถามถึงพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาลเกี่ยวข้องอย่างไรนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ทราบว่าได้ติดต่อมาทางพล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 เพื่อสอบถามเรื่องการยื่นขอประกันตัว ซึ่งจากการตรวจสอบยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงยังไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียกให้มาให้ปากคำ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน