รองผบ.ตร. ถกหน่วยงานเกี่ยวข้องปม เงินหายจากบัญชี เผยมีผู้เสียหานับหมื่นราย เร่งตามจับ ขณะที่บช.น. มีคนเข้ามาแจ้งความแล้ว 13 คดี

วันที่ 19 ต.ค. 2564 ที่ห้องประชุม2 ชั้น2 อาคาร1 สำนักงานตำราจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ได้เชิญ นายกสมาคมธนาคารไทย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เลขาธิการปปง. เพื่อหารือแนวทางแก้ไขเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ลักลอบหักเงินจากบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต ของประชาชน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นขณะนี้มีผู้เสียหายหลักหมื่นคน ซึ่งบางส่วนทยอยเข้าแจ้งความกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. และ ศูนย์ปราบปรามการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ศูนย์ PCT แล้ว ซึ่งหากผู้ใดได้รับความเดือดร้อน สามารถเข้าแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ ก็จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลมาที่ส่วนกลางทันที

สำหรับพฤติกรรมของคนร้าย จะมีลักษณะลักลอบนำข้อมูลจากบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต จากการซื้อสินค้าออนไลน์ของประชาชน ไปใช้หักเงินจากบัญชีของผู้เสียหาย ซึ่งตำรวจจะมีการร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาให้ได้ แม้ผู้ก่อเหตุจะเป็นชาวต่างชาติ ก็จะดำเนินการถึงที่สุดเนื่องจากถือเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ

ขณะเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวถึงดังกล่าวว่า ในส่วนของ บช.น. ทาง พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้กำชับทุกพื้นที่ให้ดำเนินการรวบรวมการรับแจ้งความจากผู้เสียหาย และดำเนินการในเบื้องต้น ซึ่งเมื่อวานนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความในพื้นที่ บช.น. ทั้งหมด 13 คดี ยอดมูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 116,903 บาท คาดว่าวันนี้อาจจะมีผู้เสียหายมาแจ้งความอีก บช.น. ก็จะรวบรวมไว้

หลังจากนั้นแต่ละโรงพักจะทำการรวบรวมข้อมูล ตามที่รองผบก.ที่ดูแลงานด้านสอบสวนแล้วมอบให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พิจารณา เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะเป็น บช.สอท. หรือ ในส่วนของบช.น. ดำเนินคดีต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน