ตำรวจทางหลวงโคราช ไล่สกัดจับคนร้ายลักพาตัววัยรุ่นสุรินทร์ หวังกรรโชกทรัพย์ 1 ล้านบาท ผู้ต้องหาอ้าง เจ้าหน้าที่พรรคการเมืองดัง ข่มขู่จะทำร้าย บังคับแฟนสาวโอนเงิน เตรียมขยายผลคดีอื่น
11 มิ.ย. 67 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งว่า มีชาย จำนวน 3 คน มีลักษณะเหมือนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ลักพาตัวผู้ต้องสงสัย ทราบชื่อว่า นายตระการ ไม่ทราบนามสกุล ขึ้นรถกระบะอีซูซุสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน รู้เพียงว่า ทะเบียนจังหวัดฉะเชิงเทรา ขับหลบหนีเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
ภายหลังรับแจ้ง พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฎิบัติราชการ รอง ผบก.บก.ทล. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สิทธิใหญ่ ผกก.6 บก.ทล. พ.ต.ท.จิระพันธุ์ รุจิระกุล พ.ต.ท.วิษณุ คำโนนม่วง รอง ผกก.6 บก.ทล. สั่งการให้ พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย สว.ส.ทล.1 กก.6 พร้อมกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา รีบออกติดตามรถคันดังกล่าว
เมื่อมาถึงบริเวณถนนมิตรภาพ ทล.2 กม.50 ขาเข้า กทม. พบรถกระบะอีซูซุ ดีแม็ค สีดำ หมายเลขทะเบียน บว 6318 ฉะเชิงเทรา จึงเรียกให้หยุดเพื่อทำการสอบถาม แต่กลับขับรถหลบหนี จึงไล่สกัดจับ
เบื้องต้นพบ นายตระการ โภชน์สาลี อายุ 23 ปี ผู้ถูกลักพาตัวมาจาก จ.สุรินทร์ นายบรรณสิทธิ์ อายุ 26 ปี อ้างว่า เป็นกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องของผิดกฎหมาย นายกริชชัย อายุ 26 ปี คนขับรถ และเยาวชน อายุ 16 ปี
จากการสอบถาม นายตระการ แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 23.20 น. วันที่ 10 มิ.ย. 67 ได้มีชาย 3 คน มาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ตรวจสอบเรื่องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ทราบว่า ตนแอบขายใบกระท่อม จึงมาหาที่หน้าร้าน และขู่ว่าถ้าไม่อยากให้ถูกดำเนินคดี ต้องจ่ายเงินหนึ่งล้านบาท ตนไม่มีเงิน มีเพียงห้าแสนบาท หากจะเอาต้องมาเอาเงินสดที่แฟนสาว แต่กลุ่มชายดังกล่าวไม่ยอม กระชากแขนตนขึ้นรถ จะลักพาตัวไป กทม.
กลุ่มคนร้ายยังใช้โทรศัพท์มือถือนายตระการ ส่งข้อความไปหาแฟนสาวนายตระการ ข่มขู่ว่าจะทำร้ายนายตระการ หากไม่ส่งเงินให้ พร้อมส่งเลขบัญชีให้ ก่อนที่ทางแฟนนายตระการ จะเข้าแจ้งความ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ตรวจพบก่อนควบคุมตัวทั้งหมดส่งสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลว่า แก๊งนี้เคยทำกับรายอื่นๆ อีก ก่อนจะเตรียมขยายผลดำเนินการเพิ่มเติม
การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก ให้ ตำรวจทางหลวงป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนทางหลวงอย่างต่อเนื่อง