บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

ภาพรวมสินเชื่อสุทธิเดือน ก.ค. 2561 ทรงตัวจากเดือนก่อนที่ 11.31 ล้านล้านบาท หลังจากที่ขยายตัวในอัตราเร่งสูงสุดในเดือนก่อน ส่วนภาพรวมเงินฝากเดือน ก.ค. 2561 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน 2.66 หมื่นล้านบาท หรือ 0.22% MoM เป็น 12.30 ล้านล้านบาท

ภาพรวมสภาพคล่องของธนาคารตึงตัวขึ้นไม่มาก แม้ว่าภาพรวมเงินฝากจะลดลงก็ตาม เนื่องจากระบบธนาคารยังมีแหล่งทุนจากตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

แนวโน้มสินเชื่อในระยะที่เหลือของปี 2561 คาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องตามแรงดึงของกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศ และแรงผลักจากธนาคารเพื่อให้บรรลุเป้าสินเชื่อ ที่ตั้งไว้และชดเชยรายได้จากค่าธรรมเนียมเงินโอนที่ลดลง แต่ด้วยผลของฐาน คงทำให้ภาพรวมสินเชื่ออาจเติบโตที่กรอบ 4.8-5.3% เมื่อเข้าหาช่วงสิ้นปี

โดยมีสินเชื่อภาคธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อยที่มีพอร์ตขนาดใหญ่ ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อรถ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เป็นตัวนำ แม้ว่าตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2561 จะเริ่มบังคับใช้สัญญาเช่าซื้อใหม่ แต่คาดว่าคงมีผลกระทบต่อการให้สินเชื่อในวงจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดีมานด์ของตลาดรถในประเทศยังรักษาโมเมนตัมได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกหลักที่ จะช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่สัญญาเช่าซื้อใหม่คงส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการให้เช่าซื้อบ้าง แต่เชื่อว่าอยู่ในวิสัยที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้

สำหรับแนวโน้มเงินฝาก และการระดมทุนในรูปแบบตราสารหนี้และเงินกู้ยืมในช่วงที่เหลือของปี คงโน้มเอียงไปในประเภทที่มีระยะเวลานานขึ้น แต่แรงกดดันด้านราคาน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากทุกธนาคารยังจำเป็นต้องบริหารจัดการต้นทุนการเงินให้สอดคล้องกับความสามารถในการหารายได้

นอกจากนี้ การพัฒนาช่องทางบริการบนโทรศัพท์มือถือ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากขึ้นในหลากหลายธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน จะมีส่วนช่วยเพิ่มระดับการออม โดยเฉพาะเพื่อรองรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

อีกทั้งผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับการออมประเภทอื่นที่อาจมีความเสี่ยงหรือ ข้อจำกัดด้านสภาพคล่องมากกว่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน