“บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด”

ตลาดขนมไหว้พระจันทร์ที่มีมูลค่าสูงในช่วงระยะเวลา จำหน่ายสั้นๆ ประมาณ 1 เดือนก่อนเทศกาล (ปีนี้ตรงกับวันที่ 24 ก.ย.2561) ยังคงดึงดูดให้ผู้ประกอบการขนมไหว้พระจันทร์ ทั้งรายเดิมรวมถึงรายใหม่ๆ ให้ความสนใจตลาดนี้

ภาพรวมตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปี 2561 จากการสำรวจจากพฤติกรรมผู้บริโภคซึ่งได้ผลสรุปที่ใกล้เคียงกับ ปีก่อน โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

ตลาดยังคงเติบโตจากกลุ่มที่ซื้อกิน/เป็นของฝาก ที่ทวีความสำคัญมากขึ้น กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนชั้นกลางขึ้นไป ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้คนกล้าจับจ่ายมากขึ้น

ประกอบกับผู้ผลิตบางรายมีการพัฒนารูปแบบไส้และ บรรจุภัณฑ์ที่มีความพิเศษ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกับผู้ซื้อและผู้รับ ส่งผลให้ราคาจำหน่ายต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้น พิจารณาได้จากเม็ดเงินในการซื้อขนมไหว้พระจันทร์ที่สูงกว่ากลุ่มที่ ซื้อไปไหว้เฉลี่ยประมาณ 20% โดยซื้อไปกิน/เป็นของฝาก มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 870 บาทต่อคน ขณะที่ซื้อไปไหว้มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 640 บาทต่อคน

ขณะเดียวกัน ในส่วนของไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ก็มีพัฒนาการเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยแม้ว่าไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ที่นิยมจะยังคงเป็นไส้ดั้งเดิม อาทิ ทุเรียน พุทรา และโหงวยิ้ง

แต่ก็มีไส้แปลกใหม่ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น อาทิ คัสตาร์ด ชาเขียว แมคคาเดเมีย ที่ผู้ประกอบการรายเก่าและรายใหม่ต่างพัฒนาออกมาเพื่อจับตลาดคนรุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม แม้กลุ่มที่ซื้อไปกิน/เป็นของฝากจะมีกำลังซื้อสูง กลุ่มคนรุ่นใหม่จะพร้อมจ่ายเงินเพื่อสินค้าที่ตัวเอง ชื่นชอบหรือถูกใจ แต่กลุ่มนี้ก็พิจารณาถึงความคุ้มค่า คุ้มราคาควบคู่กันด้วย กล่าวคือสินค้าสามารถมีราคาสูงกว่าปกติ ในตลาดได้ ถ้าสินค้านั้นมีความแตกต่าง แต่ก็ต้องไม่สูงเกินไปมาก

จากสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป จึงคาดว่าภาพรวมตลาดขนมไหว้พระจันทร์ในปี 2561 นี้ จะมีมูลค่าประมาณ 930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% (YoY) จากที่ทรงตัวในปี 2560 อันเป็นผลจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น (ราคาทุเรียน) รวมถึงการเพิ่มการจำหน่ายสินค้าพรีเมียมราคาสูง เพื่อรองรับกลุ่มที่ซื้อไปกิน/เป็นของฝากมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน