ไวรัสกระทบภาคผลิต

คอลัมน์ วงล้อเศรษฐกิจ

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

ไวรัสกระทบภาคผลิต – การแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้ทางการจีนใช้มาตรการเข้มข้นขึ้นเพื่อสกัดการแพร่ระบาดไม่ว่าจะเป็นการปิดเมืองที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก

หรือแม้แต่ภาคธุรกิจในจีนเองก็หยุดกิจการชั่วคราว

สิ่งเหล่านี้กระทบต่อความต้องการสินค้าจากไทยในปี 2563 ยิ่งซ้ำเติมการส่งออกของไทยที่อ่อนแรงจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมากขึ้นไปอีก นอกจากผลต่อการส่งออกสินค้าไทยไปจีนแล้ว ยังมีความเสี่ยงใหม่ที่อาจทำให้การนำเข้าสินค้าขั้นกลางของไทยจากจีนต้องประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบด้วย

โดยในระยะสั้นกรณีที่ 1 หากสถานการณ์โคโรนาในจีนมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 1 เดือน ส่งผลกระทบต่อการ ส่งออกของไทยเฉพาะไตรมาส 1/2563 เท่านั้น คิดเป็น 400-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจำกัดแค่การส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารเป็นหลัก หลังจากนั้นการส่งออกจะทยอยฟื้นตัว

แต่ในกรณีที่ 2 ถ้าหากการแพร่กระจายของไวรัสกินเวลานานตลอดไตรมาส 1/2563 และมีการปิดเมืองสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจในไทยอาจประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ขั้นกลางจากจีนที่ไทยพึ่งพาจีนในสัดส่วนที่สูงกว่า 23% โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์สำหรับคอมพิวเตอร์และยานยนต์ในกลุ่มวงจรพิมพ์ รวมถึงกลุ่มเคมีภัณฑ์อนินทรีย์และเคมีภัณฑ์อินทรีย์ ยางรถยนต์ ส่วนประกอบรถยนต์ ตัวถังรถยนต์

ขณะที่การส่งออกสินค้าขั้นกลางของไทยไปจีนที่ได้รับ ผลกระทบหลักๆ ที่สำคัญอยู่ในกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เม็ดพลาสติก

ดังนั้น ด้วยสภาวะแวดล้อมที่ไม่แน่นอนและข้อมูลเบื้องต้นในขณะนี้ ประเมินว่า ในกรณีที่ 2 ที่ไวรัสแพร่กระจาย 1 ถึง 3 เดือน ทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยยังต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ถ้าหากเชื้อไวรัสลุกลามไปสู่พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ จนทางการต้องใช้มาตรการปิดเมืองเพิ่มเติม ผลกระทบที่มีต่อศรษฐกิจไทยอาจทยอยขยับสูงขึ้นแตะกรอบบนของประมาณการที่ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นผลกระทบด้านการส่งออกของไทยที่สูญเสียไป 900-1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และผลต่อภาคการผลิตของไทยจากการขาดแคลนวัตถุดิบนำเข้าจีนคิดเป็นมูลค่า 600-4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน