วงล้อเศรษฐกิจ
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รอบวันที่ 12-13 ธ.ค. 2560 คาดว่าจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% จากระดับ 1.00-1.25% เป็น 1.25-1.50% หลังพัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี ขณะที่การปรับลดขนาดงบดุลไม่ได้ส่งผลต่อตลาดการเงินของสหรัฐ อย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การส่งสัญญาณถึงมุมมองของเศรษฐกิจ และแนวโน้มระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมในระยะข้างหน้า
ซึ่งมองว่าเฟดน่าจะอยู่บนเส้นทางของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องในปี 2561 จากปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ขยายตัวได้ดีกว่าระดับศักยภาพ รวมทั้งสัญญาณเชิงบวกของเงินเฟ้อที่คงทยอยกลับมาอีกครั้งหลังปัจจัยกดดันชั่วคราวหมดลง
ประเด็นการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการนโยบายการเงินอาจจะมีผลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในระดับที่จำกัด เนื่องจากคณะกรรมการเฟดคงพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยจากข้อมูลพัฒนาการของเศรษฐกิจเป็นปัจจัยหลัก
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐ (FOMC) ในส่วนของตัวแทนผู้ว่าการจากเฟดสาขาจะมีการสับเปลี่ยนจำนวน 4 ที่นั่ง ในขณะที่ฝั่งของกรรมการบริหารของเฟด มีการเสนอชื่อนาย Marvin Goodfriend เป็นสมาชิกคนล่าสุดทำให้ภาพรวมของคณะกรรมการนโยบายการเงินเฟดมีท่าทีสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้นกว่าคณะกรรมการชุดก่อน
สำหรับผลต่อประเทศไทย การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในครั้งนี้ไม่น่าจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงต่อท่าทีในการดำเนินนโยบายการเงินของไทย ตลอดจนสร้างแรงกดดันต่อตลาดการเงินไทยมากนัก เนื่องจากตลาดการเงินได้รับรู้ข้อมูลที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ไปมากแล้ว
อย่างไรก็ดี แนวโน้มข้างหน้าเฟดยังคงอยู่ในเส้นทางของการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่อง
ในขณะที่การดำเนินนโยบายการเงินของไทยคงจะมีการปรับเปลี่ยนในจังหวะที่ล่าช้ากว่าธนาคารกลางสหรัฐ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยคงรอภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีความชัดเจนมากกว่านี้ ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการในการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย