ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์

ประธานาธิบดีทรัมป์ อนุมัติมาตรการ safeguard เก็บภาษีการนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์เพื่อปกป้องผู้ผลิตสหรัฐ

สืบเนื่องจากที่คณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐ (USITC) ยื่นข้อเสนอเยียวยาการค้าที่ไม่เป็นธรรม (unfair trade practices) ตามมาตรา 201 กฎหมายการค้าสหรัฐ

ซึ่งทรัมป์ได้เซ็นอนุมัติมาตรการดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2561 โดยมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 3-4 ปี

ทั้งนี้ สำหรับเครื่องซักผ้า การคิดภาษีจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยเครื่องซักผ้าจำนวน 1.2 ล้านเครื่องแรกที่มีการนำเข้าจะคิดภาษี 20% แต่ในส่วนที่เกินจากนี้จะเก็บภาษีเพิ่มเป็น 50%

สำหรับแผงโซลาร์จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้า 30% หากมีการนำเข้าเกิน 2.5 กิกะวัตต์

อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีในปีถัดไปของสินค้าทั้ง 2 ชนิดจะลดลงปีละ 2-5%

มองว่าการเติบโตของการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยจะลดลงประมาณ 1% เนื่องจากสหรัฐเป็นตลาดหลักของการส่งออกสินค้าทั้ง 2 ชนิด

โดยผลของมาตรการดังกล่าวจะทำให้มูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์ลดลงราว 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่ราว 1.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และแผงโซลาร์จะอยู่ที่ราว 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561

ผู้ผลิตเครื่องซักผ้าและแผงโซลาร์ในไทยต่างปรับตัวเพื่อรองรับมาตรการ safeguard แล้ว โดยผู้ผลิตเครื่องซักผ้าจากต่างประเทศซึ่งมีฐานการผลิตในไทยอย่าง Samsung และ LG ได้เปิดโรงงานใหม่ที่รัฐ South Carolina และอยู่ระหว่างสร้างโรงงานที่รัฐ Tennessee ตามลำดับ สำหรับผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเครื่องซักผ้า คาดว่าจะได้รับผลกระทบเพียงบางส่วน เนื่องจากมีเวลาปรับตัวจากการได้รับแจ้งล่วงหน้า

ในทำนองเดียวกัน ผู้ส่งออกแผงโซลาร์ได้กระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดสหรัฐ เป็นหลักไปยังตลาดอื่นๆ เช่น เนเธอร์แลนด์ ตุรกี เม็กซิโก

นอกจากนี้ สหรัฐมีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับสินค้าอื่นๆ เพื่อเป็นการปกป้องผู้ผลิตสหรัฐ ตามนโยบาย “American First” โดยขณะนี้ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน