ประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับมาสด้า คาราวาน CX-5 ตะลุยสแกนดิเนเวีย (ตอน 1)

ประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับมาสด้า – เปิดหน้าประวัติศาสตร์ให้กับวงการยานยนต์ ทั้งของไทยและเชื่อได้ว่าอาจจะเป็นของโลกเลยก็ว่าได้ กับการที่ ค่ายซูมซูม‘มาสด้า’ จัดทริปให้ผู้สื่อข่าว ขับคาราวานรถ‘มาสด้า CX-5 สกายแอคทีฟ’ 9 คัน ข้ามขุนเขา ลัดเลาะทะเลสาบ รวมถึงคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ชนิดที่ยังไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน

นับเป็นภารกิจต่อเนื่องที่‘ชาญชัย ตระการอุดมสุข’ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย หวังให้เป็นเกียรติประวัติกับรถยนต์มาสด้า ในการขับบนเส้นทางหลากหลายรูปแบบ ของประเทศต่างๆ ทั้งในแถบอาเซียน รวมถึงดินแดนกันไกลโพ้นครั้งละหลายพันกิโลเมตร
ในครั้งล่าสุดก็เช่นเดียวกันระยะทางรวม 2 กลุ่ม ร่วม 6,000 กิโลเมตร กับชื่อตอนที่ว่า“เปิดประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับมาสด้า”

 

ชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานมาสด้า

งานนี้นำทริปโดยผู้บริหารของมาสด้า ทั้งท่านประธาน รวมไปถึง ‘ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์’ รองประธานฯ และ‘อุทัย เรีองศักดิ์’ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์

‘ข่าวสด ยานยนต์’ได้อยู่ในกลุ่ม B เริ่มต้นกันที่ ประเทศนอร์เวย์ ขับไปเลาะตะเข็บชายแดนประเทศฟินแลนด์ เข้าประเทศสวีเดน แล้ววกกลับมายังเมืองหลวงประเทศนอร์เวย์ ถือเป็นจุดสิ้นสุด ขับกันเต็มเหนี่ยวประมาณ 3,000 ก.ม. นิดๆ

 

ธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ และอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้บริหารมาสด้า

จุดเริ่มรับไม้ต่อจากกลุ่ม A ที่เมืองฮอนนิงสโวก เมืองทางเหนือสุดของประเทศนอร์เวย์ ขนาดเล็กกระทัดรัด 1.07 ตร.กม. มีประชากรอยู่ไม่ถึง 2,500 คน แต่มีสเน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมเยือน ด้วยเพราะเป็นหนึ่งในจุดล่าแสงเหนือและดูพระอาทิตย์เที่ยงคืน

ลืมบอกไปว่าเดิมทีภารกิจขับรถในครั้งนี้ จะต้องเป็นรถมาสด้าหลากหลายรุ่นจากประเทศไทย แต่ด้วยเพราะโดนพิษมรสุมที่พัดผ่านพอดี ทำให้ไม่สามารถส่งได้ทันตามเวลา

มาสด้า จึงแก้ปัญหาด้วยการขอยืมรถจากมาสด้า CX-5 เครื่องยนต์ดีเซล จากประเทศเดนมาร์ก มาใช้ทดสอบแทน ซึ่งถือว่าโชคดีเพราะมีฟังก์ชั่นหลายอย่างที่เหมาะกับการใช้งานในภูมภาคนี้

พร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองทรอมโซ่ ระยะทาง 520 ก.ม. เตือนสติตัวเองอยู่ตลอดว่ากำลังขับรถพวงมาลัยซ้าย ฉะนั้นแล้วต้องชิดขวา เลี้ยวซ้ายชิดขวา เลี้ยวขวาชิดขวา

แรกๆ ก็ดูขัดๆ อยู่บ้าง โดยเฉพาะช่วงในเมืองที่รถราขวักไขว่ แต่ใช้เวลาไม่นานก็เริ่มคุ้นชิน อาศัยการขับให้ใกล้กับเส้นกลางถนน แค่นี้ก็แทบไม่ต่างจากขับรถพวงมาลัยขวาแล้ว

ห่างเมืองออกมาหน่อยวิวทิวทัศน์เต็มไปด้วยต้นไม้ ที่ใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเหลือง-แดงพรึบเต็มสองข้างทาง หรือแม้แต่ภูเขาที่เห็นอยู่ไกลๆ ก็กลายเป็นภูเขาหลากสี จะมีสีเขียวอยู่เพียงชนิดเดียวคือต้นสน เนื่องจากกำลังเตรียมเข้าสู่ฤดูหนาว

เส้นทางเริ่มออกต่างจังหวัดไปเรื่อยๆ ต้องลัดเลาะไหล่เขา และผ่านอุโมงค์อยู่เนืองๆ เพราะเป็นถนนที่ตัดผ่านภูเขา ขณะที่อีกด้านหนึ่งของถนนเป็นทะเลสาบระหว่างภูเขา

คราแรกก็ให้แปลกใจว่าป่าไม้ของประเทศนอร์เวย์ดูแล้วไม่ได้สมบูรณ์แบบป่าดงดิบ แต่ทำไมน้ำถึงไหลมาจากยอดเขาได้เยอะมากเสียเหลือเกิน ทั้งภูเขาที่มองเห็นไกลๆ และภูเขาที่กำลังขับรถอยู่ก็ตาม

พอขับไกลเมืองออกไปพอสมควร ถึงได้คำตอบ ด้วยเพราะมีสายน้ำใหญ่น้อยไหลลงมาจากยอดเขา ที่เกิดจากการละลายของหิมะซึ่งตกทับถมกันมาในช่วงฤดูหนาวปีที่แล้ว กลายเป็นน้ำตกย่อยๆ ให้เห็นอยู่ตลอดสองข้างทาง

มีอยู่บ้างที่ไหลกันมาอย่างเชี่ยวกรากแต่บริหารจัดการให้น้ำไหลลอดใต้ถนนไปลงยังทะเลสาบโดยตรง และนี่ยังละลายไม่หมด หิมะฤดูใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีก อย่างนี้นี่เอง ที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่เคยขาดน้ำ

วันรุ่งขึ้นรีบเดินทางกันแต่เช้าเพราะต้องขับกันข้ามประเทศ ออกทางชายแดนประเทศฟินแลนด์ วิ่งเกาะตะเข็บชายแดนไปเรื่อยๆ ไปสิ้นสุดที่เมืองลูเลอา ประเทศสวีเดน ระยะทางรวมกว่า 600 กม.
บรรยากาศข้างทางช่วงแรกยังคงคล้ายวันแรก แต่พอข้ามพรมแดนเข้าสู่ฟินแลนด์บอกได้เลยว่าเหมือนตัดภาพเป็นหนังคนละม้วนเลยทีเดียว

ต้นไม้สองข้างทางไม่หลากหลายเหมือนนอร์เวย์ บ้านเรือนจากที่มีสีสันสดใสก็กลายเป็นแบบพาสเทล ประมาณอนุรักษ์นิยม จนเริ่มเข้าประเทศสวีเดนถึงเริ่มกลับมารู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางเมืองลูเลอา เมืองท่าริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันกลายเป็นเมืองศูนย์กลางด้านไอที อันดับต้นๆ ของสแกนดิเนเวีย

ประสบการณ์สุดขอบฟ้ากับมาสด้า

ต่อกันอีกวันที่ถือได้ว่าโหดที่สุดในทริปนี้ เพราะต้องขับกันต่อเนื่องถึง 900 ก.ม. เพื่อไปยังเมืองทรอนด์แฮม ประเทศนอร์เวย์ นัดล้อหมุนกันแต่เช้าตรู่ ด้วยกลัวว่าถ้าสายจะยิ่งทำให้ไปถึงจุดหมายปลายทางล่าช้ามากขึ้นไปอีก

วันนี้โฟกัสส่วนใหญ่จึงอยู่ที่บนถนนมุ่งไล่รถคันหน้าให้ทัน หัวขบวนทำความเร็วกันอยู่ที่ 120-130 ก.ม.ต่อช.ม. ไม่ต้องถามเลยว่าท้ายขบวนที่ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ อยู่นี้ ต้องเติมความเร็วขึ้นไปอีกเท่าไหร่
ขืนพิริ้พิไรอาจมีอันหลุดขบวนเอาได้ง่ายๆ แล้วถนนในประเทศแถบยุโรป อุดมไปด้วยวงเวียน และรวมถึงวันเวย์ โอกาสที่จะหลงมีสูงมาก

อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าอยู่บนถนนไฮเวย์ทั่วไปก็ไม่เท่าไหร่ แต่มาตกตอนที่ขับเส้นทางไหล่เขา ซึ่งด้านขวาเป็นหน้าผาลงไปยังทะเลสาบ ขณะที่ถนนแบบเลนสวนที่แสนแคบ

แม้รูปถนนจะตีออกมาเป็นสองเลนแต่ถ้าเทียบกับบ้านเราจะอยู่ที่เลนครึ่งเท่านั้น เวลาสวนทางกันหลายครั้งหายใจไม่ทั่วท้อง

ยิ่งเจอพี่ใหญ่ รถบรรทุก รถคอนเทนเนอร์ ด้วยแล้ว บางครั้งมีอาการหวิวๆ กันเลยทีเดียว ด้วยเพราะกระจกมองข้างห่างกันแบบเฉียดฉิวเสียเหลือเกิน

เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้วันนี้ถึงจุดหมายปลายทางร่วม 23.00 น. รีบขึ้นนอนเพื่อเอาแรงไว้ขับต่อในวันพรุ่งนี้ เพราะเพิ่งงผ่านไปเพียงครึ่งทาง

ครั้งหน้าจะมาต่อให้จบว่าเส้นทางข้างหน้านั่นเป็นอย่างไร กระซิบไว้นิดหนึ่งว่ามีไฮไลต์เด็ด ชนิดที่ไม่ควรพลาดไว้ให้แฟนานุแฟน‘ข่าวสด ยานยนต์’ได้สดับรับฟังอย่าง‘แน่นวล’

++++++++++

กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน