ขับชิล‘ซูซูกิ เซเลริโอ’
‘อีโคคาร์’ราคาสุดคุ้ม
คอลัมน์ ทดสอบ
ขับชิล‘ซูซูกิ เซเลริโอ’ – ทันทีที่รู้ว่า ‘ข่าวสด ยานยนต์’ นำรถยนต์อีโค คาร์ ซูซูกิ เซเลริโอ มาทดสอบ เพื่อเปิดประเดิมปีใหม่ ปีหนูลุยไฟนี้ หลายคนคิ้วขมวด พร้อมตั้งคำถามว่า ทำไมถึงเลือกรถคันนี้
มีหลายเหตุผลอยู่พอสมควร แต่ที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ราคาปรับลดลงคันละ 45,000 บาท ตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้วเพื่อขอบคุณลูกค้าในโอกาส ที่ซูซูกิ ครบรอบ 100 ปี
ทำให้กลายเป็นรถเก๋งมาตรฐานแบรนด์ญี่ปุ่นราคาถูกที่สุด เริ่มต้นเกียร์ธรรมดา 318,000 บาท ต่อด้วยเกียร์อัตโนมัติเริ่มต้น 398,000 บาท ไปจบที่เกียร์อัตโนมัติ ตัวท็อป 427,000 บาท
บอกได้เลยว่า เร้าใจไม่ใช่น้อย!!!
เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ อาจจะแบกน้ำหนักเรื่องเครื่องยนต์อยู่บ้าง แต่ก็นะราคาถูกกว่าร่วมแสน หักลบแล้วเหลือเงินค่าเติมน้ำมันกับเข้าเช็กระยะได้ 2-3 ปี เลยทีเดียว
เซเลริโอ เลือกวางเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร 3 สูบ 12 วาล์ว ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีมาแล้ว ที่เคลมว่าให้ทั้งความประหยัดและดูแลรักษาง่าย ขณะที่ล่าสุดอีโค คาร์ หลายคันหันมาเลือกใช้เครื่องยนต์ขนาดนี้ในพ.ศ.นี้ ต้องเรียกว่าเป็นผู้นำเทรนด์รถเล็ก เครื่องยนต์ขนาดเล็กตัวจริง
นัดรับรถจาก ‘วัลลภ ตรีฤกษ์งาม’ กรรมการบริหาร ด้านการขาย และการตลาด ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย กันที่สำนักงานใหญ่ ย่านวงแหวนอ่อนนุช
เซเลริโอ ตัวท็อปจอดรอพร้อมอยู่แล้ว รับกุญแจรีโมตในตัว ปลดล็อกครั้งเดียว จะเปิดเฉพาะประตูฝั่งคนขับ ถ้าจะเปิดประตูทุกบานต้องกดซ้ำอีกครั้งเพิ่มความปลอดภัย
เข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ ข้อดีของรถคันนี้คือหลังคาที่สูงโปร่งกว่ารถเก๋งทั่วไปหลายรุ่น ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดกระจกหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้นเพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่
อุปกรณ์ต่างๆ จัดวางอย่างเรียบง่าย เครื่องเสียง 2 DIN มีช่องเสียบ USB ไว้สำหรับเล่นไฟล์เพลงจากแฟลชไดรฟ์ ถัดลงมาเป็นปุ่มควบคุมแอร์แบบแมนน่วลไม่มีอะไรซับซ้อน
เบาะนั่งและแผงประตูลายจุดสีน้ำเงิน–เทา กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า ปุ่มปรับอยู่ที่แผงประตู ง่ายและสะดวกในการปรับแต่ง
พร้อมออกเดินทางสตาร์ตเครื่องยนต์ รู้สึกสะดุดหูกับเสียงที่ค่อนข้างดัง แต่ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใดและเป็นแบบนี้ในทุกครั้งที่สตาร์ตแสดงว่าคือหนึ่งในบุคลิก
มาตรวัดสองวง แสดงความเร็ว และรอบเครื่องยนต์ ซึ่งถือว่าดี เพราะวันนี้รถเก๋งหลายรุ่นไม่มีรอบเครื่องยนต์ให้ดูแล้ว จอแสดงข้อมูลระยะทาง อัตราสิ้นเปลือง และระยะทางที่วิ่งได้จากน้ำมันที่เหลืออยู่
ดึงคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง D ค่อยๆ ออกตัว เครื่องยนต์ทำงานราบเรียบ ตัวรถเคลื่อนตัวไหลไปข้างหน้าอย่างนุ่มนวล และรวดเร็วพอประมาณ
รวมถึงเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ได้รุนแรงเหมือนอย่างที่คิด ให้รู้สึกไม่แน่ใจเพราะเครื่องยนต์แค่ 1.0 ลิตร น่าจะต้องใช้แรงรีดพลังอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ลองใหม่ช่วงติดไฟแดง ค่อยๆ กดคันเร่ง ยังคงเหมือนเดิม ไหลลื่นไม่มีกระตุก หรือยืดยาดเป็นเรือเกลือ
ความราบเรียบของเครื่องยนต์ ต่อเนื่องไปถึงตีนปลาย แต่เมื่อเกิน 110 ก.ม.ต่อช.ม. เสียงเครื่องยนต์เริ่มดังขึ้นชัดเจน รวมถึงเสียงลมที่แทรกเข้ามาเป็น ระยะๆ
ออกนอกเมือง ขาไป จ.ลพบุรี รถราค่อนข้างโล่ง ลองความเร็วปลาย ดูบนทางด่วนดอนเมือง–โทลล์เวย์ ช่วงเกิน 130 ก.ม. ไปแล้วใช้เวลารอหน่อย แต่มาแน่ ไปจนสุดที่ 150 ก.ม.ต่อช.ม. แบบชนิดช่วงล่างไม่มีอาการสั่นไหว หรือวาบหวิว
ขณะที่ช่วงเข้าโค้งบนความเร็วที่เหมาะสม แทบไม่ต้องแตะเบรก แต่ถ้าเข้าโค้งแรงหน่อยมีอาการท้ายบานเล็กๆ ให้ได้รู้สึกอยู่นิดหนึ่ง แต่ระบบตัวช่วยต่างๆ เข้ามาแก้ไขอาการจนกลับมาตั้งตรง ไปต่อได้อย่างชิลชิล
ช่วงล่างแม้จะไม่ได้นุ่มนวลราวกับ ซีดานชั้นดี แต่ไม่ได้แข็งจนรู้สึกกระด้าง ผ่านคอสะพานบนความเร็วพอสมควรลองไม่แตะเบรกดู ไม่ได้มีอาการลอยตัวหรือตกลงมากระเด้งกระดอนแต่อย่างใด
ขับไปขับมาจนไฟเตือนน้ำมันแดงโชว์ มีทั้งขับนอกเมืองทางโล่งทำความเร็วสูง แต่โดยส่วนใหญ่อยู่ในเมืองรถติดบ้างไม่ติดบ้าง อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 17 ก.ม.ต่อลิตร ทำระยะทางไปได้ 496.2 ก.ม. กับน้ำมันหนึ่งถัง ถือว่าประหยัดได้ใจอยู่พอสมควร
ดีไซน์ภายนอกลายเส้นต่อเนื่องจากกระจกหน้าไปยังแนวหลังคา และด้านท้าย กระจังหน้าโครเมียม ออกแบบให้สอดรับกับชุดไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์
เข้า–ออก ตัวรถได้สะดวกสบาย ด้วยประตูข้างเปิดได้กว้าง มือเปิดประตูและกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้ายดีไซน์เท่พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม
นักเลงรถที่เน้นฟังก์ชันมากกว่าแฟชั่น ชอบความเรียบง่ายที่สำคัญราคาเกินคุ้ม
‘ซูซูกิ เซเลริโอ’ นับเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ
ข้อมูลทางเทคนิค
แบบตัวถัง เก๋งเล็ก 5 ประตู
เครื่องยนต์ K10B 3 สูบ 12 วาล์ว
ความจุ 998 ซีซี
กำลังสูงสุด 68 แรงม้า/6,000 รอบฯ
แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน–เมตร/3,500 รอบฯ
ระบบส่งกำลัง อัตโนมัติ CVT
ระบบรองรับ(หน้า) แม็กเฟอร์สันสตรัต/คอยล์สปริง
ระบบรองรับ(หลัง) ทอร์ชั่นบีม/คอยล์สปริง
มิติ(กว้างxยาวxสูง) 1,600×3,600×1,540 ม.ม.