เปิดตัวได้ไม่นาน ค่ายนิสสัน จัดทดสอบ ‘คิกส์’ ครอสโอเวอร์ เทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ แบบเล็กๆ ประมาณว่าเป็นออร์เดิร์ฟ เสิร์ฟร้อนๆ ให้สื่อมวลชนไทย ได้รับรู้รับทราบถึงการทำงาน และประสิทธิภาพ ว่าเหมือนหรือแตกต่างจากรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันมากน้อยเพียงใด

เทคโนโลยี อี-เพาเวอร์ นักเลงรถหลายคนน่าจะเข้าใจแล้ว ว่ามีทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร เป็นโรงงานไฟฟ้าเคลื่อนที่ ทำหน้าที่ผลิต ไฟฟ้าป้อนไปยังแบตเตอรี่ เพื่อส่งต่อไปยังมอเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ

กล่าวคือนิสสันคิกส์ ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพราะใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนแต่ไม่ต้องปรับพฤติกรรมการใช้รถ เนื่องจากไฟฟ้าที่ได้มามาจากเครื่องยนต์ ตราบใดที่น้ำมันในรถไม่หมดก็ยังมีไฟฟ้าให้ใช้ตลอดไป
นัดเจอกันช่วงบ่ายที่สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์ ปรับแต่งเส้นทางสนามแข่งรถดริฟต์

เพื่อใช้ทดสอบทั้งกำลังของเครื่องยนต์ และช่วงล่าง แนะนำตัวรถและจุดเด่นต่างๆ พอหอมปากหอมคอ ที่เด่นสุดต้องยกให้เทคโนโลยี ‘วัน-เพดัล’ (One-Pedal)’ เร่ง ลดความเร็ว และหยุดรถเพียงการใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว ทำให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น

เช่น การกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอและหยุดเมื่อลงเขาหรือหยุดเมื่อเจอสัญญาณไฟจราจร

ขณะที่ดีไซน์ของตัวเจ้า นิสสัน คิกส์ สื่อถึงอารมณ์และการใช้งานจริง กระจังหน้าแบบ V-motion ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ทรงบูมเมอแรง ใต้ไฟหน้าตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียม ราวกับเขี้ยวสัตว์ที่พร้อมขย้ำเหยื่อ

กันชนหน้าขนาดใหญ่ต่อเนื่องจากกระจังหน้าพร้อมไฟตัดหมอกดีไซน์เท่ ซุ้มล้อดีไซน์ดุดันให้เข้ากับรูปลักษณ์แบบรถครอสโอเวอร์

แนวเส้นหลังคาแบบลอยตัว (floating roof line) หลังคาสีดำในตัวท็อป รุ่น VL เติมอารมณ์สปอร์ตเต็มขั้น
ขึ้นนั่งตำแหน่งคนขับ สัมผัสภายในสีทูโทน ดูค่อนข้างแปลกตา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสีที่ตัดกันระหว่าง ดำ-ส้มอมเหลือง

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเข้า-ออกตัวรถ และยังได้อารมณ์สปอร์ตเพิ่มขึ้นอีกด้วย
หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงระบบข้อมูลและความบันเทิง Nissan Connect

กดปุ่มสตาร์ตเสียงเครื่องยนต์แทรกเข้ามาในห้องโดยสารพอสมควรเลื่อนปุ่มคันเกียร์ขนาดเล็กไปที่ตำแหน่ง D มอเตอร์ขับเคลื่อนตัวรถช่วงออกตัวได้อย่างจี๊ดจ๊าด ซึ่งเป็นบุคลิกของรถยนต์ไฟฟ้าที่ตีนต้นจัดจ้านราวกับรถสปอร์ตชั้นดี

กำลังที่เรียกมาใช้ได้ 129 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตัน-เมตร มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่มีดีแค่ช่วยออกตัว แต่ยังไหลลื่น ต่อเนื่อง
ทีมงานให้เลือกใช้โหมดการใช้งานที่มีให้เลือกตั้งแต่ Normal อารมณ์ไม่ต่างจากการขับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแต่อย่างใด

สลับมาใช้โหมด S (Smart) เพิ่มสมรรถนะการขับขี่ และตอบสนองอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
โหมด ECO ลดการใช้พลังงานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
และโหมด EV ใช้งานแต่พลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่เท่านั้นโหมดนี้ขับได้ระยะอยู่ที่ประมาณ 3 ก.ม. เหมาะกับการขับเข้าบ้านช่วงดึกๆ เสียงจะไม่ดังไปปลุกใครที่กำลังหลับอยู่

การขับขี่ในรูปแบบการเข้าโค้งไปมา ไม่ว่าจะเป็นสลาลอม หรือโค้งกว้าง โค้งแคบ กระชับฉับไว มีอาการโยนตัวบ้างยามที่เข้าบนความเร็วที่สูงกว่าที่ควรจะเป็น แต่สามารถบังคับรถไว้ให้อยู่ในตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว

มาถึงพระเอกของรถคันนี้ และเป็นสิ่งที่หลายคนพูดถึงอย่างมาก คือ ‘วัน-เพดัล’ เทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจาก อี-เพดัล (E-Pedal) ในรถยนต์ไฟฟ้า 100% นิสสัน ลีฟ

แต่พัฒนาให้เหมาะสมกับรูปแบบการขับขี่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เมื่อถอนคันเร่ง ความเร็วของตัวรถจะลดลงอย่างรวดเร็ว ไปถึงหยุดสนิท แต่ทำได้อย่างนุ่มนวล

ช่วงแรกอาจจะยังงงๆ กันเล็กน้อย แต่พอจับระยะได้ บอกได้เลยว่าเทคโนโลยีนี้ จะเข้ามาช่วยถนอมน้ำมัน และผ้าเบรกเป็นอย่างมาก เนื่องจากแทบไม่ต้องเหยียบแป้นเบรก ก็สามารถหยุดรถได้สนิท
และเมื่อต้องการเดินทางต่อ เหยียบที่แป้นคันเร่งอีกครั้ง ตัวรถพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

แวะไปดูรูปโฉมโนมพรรณ พร้อมทั้งทดลองขับ เพื่อพิสูจน์ว่า คุ้มค่ากับราคาคันละ 1.049 ล้านบาท หรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน