“ซูซูกิ XL7 ดีไซน์และพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นรถครอสโอเวอร์อย่างแท้จริง ไม่ใช่นำซูซูกิ เออร์ติก้า รถ MPV ที่ได้รับคำชมมากมายมายกสูง แล้วเปลี่ยนตัวถังใหม่ เป็นการสร้างขึ้นอย่างที่เรียกว่า บอร์น ทู บี”

น้ำเสียงตอกย้ำหนักแน่น ถึงสองครั้งสองครา ทั้งในวันเปิดตัว และวันจัดทริปทดสอบ ซูซูกิ XL7 รถครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่ง จากผู้บริหารหนุ่ม ‘วัลลภ ตรีฤกษ์งาม’ กรรมการบริหาร ด้านการขาย และการตลาด ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย นัดเจอกันช่วงเช้า ย่านถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เล่าแจ้งเรื่องของตัวรถประมาณสัณฐาน

ต่อด้วยเส้นทางที่ใช้ซึ่งมีระยะทางรวมไปกลับ 400 ก.ม.
แต่ละคันให้นักข่าวร่วมทดสอบ 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง คันที่ ‘ข่าวสด ยานยนต์’ ทดสอบมีน้องนักข่าวอีก 2 คน แต่โชคดีที่มีคนหนึ่งขอนั่งเบาะหลังเพียงอย่างเดียว

ทำให้แบ่งการทดสอบกับน้องอีกคนว่า คนหนึ่งขับขาไป คนหนึ่งขับขากลับ ได้ระยะทางเท่าๆ กันประมาณ 200 ก.ม.
อาสาเป็นไม้แรกออกมาเจอเพื่อนร่วม ทางบนถ.เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์แม้จะเป็นช่วงสายของวันธรรมดา แต่ก็ไม่ได้ดูบางตาลงไปสักเท่าใด

กำลังของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ดูเหมือนจะใส่ม้าหนุ่มมาแค่ 105 แรงม้า / 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดที่ 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เท่ากันกับซูซูกิ เออร์ติก้า
แต่กำลังที่เรียกมาใช้งาน บอกเลยว่าจี๊ดจ๊าด กันตั้งแต่ตีนต้น กดเป็นมาหลังแทบจะ ติดเบาะหากเผลอลงน้ำหนักที่แป้นคันเร่ง มากเกินไป

แทบไม่อยากเชื่อว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ช่วยให้การเร่งแซง ออกตัว ในช่วงการจราจรหนาแน่น ไม่ต้องเป็นกังวล หลบซ้ายหลีกขวาไหลลื่น

เข้าเส้นถ.มิตรภาพไปแล้ว รถราเริ่มน้อยลง ไม่รอช้ากดคันเร่งเพื่อดูความเร็วปลายกันเสียเลย ช่วงย่านความเร็ว 110-140 ก.ม.ต่อ ช.ม. มารวดเร็วทันใจ แต่ถ้าจะไปต่อ 150-160 ก.ม.ต่อช.ม. เหมือนจะต้องรออยู่บ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้นานถึงขนาดต้องลุ้นกันจนเหนื่อยใจ

เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เชนจ์ค่อนข้างไว ขยับเท้าแรงหน่อยก็พร้อมเปลี่ยนเกียร์ให้ นอกจากนี้ยังรู้สึกว่าน้อยไปหน่อย ทำให้เวลาทำความเร็วปลายแล้วเสียงเครื่องยนต์คล้ายกับอั้น

หากมีเกียร์ที่ 5 นอกจากจะปล่อยพลังได้มากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยประหยัดน้ำมันด้วย
ช่วงล่างแม้จะเปลี่ยนเลนที่ย่านความเร็วสูง บนเนินชัน คราแรกนึกว่าจะมีอาการท้ายบาน ท้ายดิ้นบ้าง แต่กลับไม่มีให้ได้รู้สึก

หันไปถามผู้โดยสารแถวสอง ได้คำตอบว่าชิลชิล น้อยกว่าที่คิด ไว้เยอะ ไม่มีอาการเมารถเลยแม้แต่น้อย

การเข้าโค้งที่แม้จะเร็วอยู่พอประมาณ แต่ยังสามารถควบคุมตัวรถไปได้ดั่งใจ เข้าเร็วออกเร็วกระชับฉับไว ผลจากพวงมาลัยที่คมผสมลงตัวกับช่วงล่างที่ทีมวิศวกรแจ้งว่า ปรับแต่งชิ้นส่วนเพิ่มเติมจากซูซูกิ เออร์ติก้า มากกว่า 50 รายการ

แม้ช่วงล่างจะหนึบขนาดนี้ แต่ยังคงให้ความนุ่มนวล ชนิดที่ลืมไปเลยว่าอยู่ในรถแบบครอสโอเวอร์ ผ่านหลุมบ่อคอสะพาน อาการกระเด้งกระดอนแทบไม่มีให้ได้รู้สึก

ขากลับสลับไปนั่งเบาะหลัง คราแรกว่าจะไปถึงเบาะแถว 3 แต่คะเนด้วยสายตาด้วยขนาดตัวของข่าวสด ยานยนต์ ที่ใหญ่กว่ามาตรฐานชายไทยไปนิดหนึ่ง กับพื้นที่วางเท้าและระยะทางแล้ว ขอกลับมานั่งแถว 2 ดีกว่า

เบาะนั่งแถว 2 หนานุ่มโอบรับแผ่นหลัง แถมยังเลื่อนขึ้นหน้า ถอยหลัง ปรับระดับเอนเพิ่มได้อีกเล็กน้อย ช่วยผ่อนคลายอิริยาบถ ได้เพิ่มขึ้น พื้นที่วางขาด้านหน้ามีมาให้มากพอแม้จะเลื่อนเบาะขึ้นหน้าไปจนสุดแล้วก็ตาม

แอร์แถว 2-3 อยู่บนเพดาน สามารถปรับแรงลมได้ตามต้องการ แต่อุณหภูมิต้องตามใจคนเบาะหน้าเป็นผู้กำหนด

ดีไซน์ภายนอก ซูซูกิ XL7 มาในสไตล์สปอร์ตพรีเมียม กระจังหน้าสีดำ มีเส้นโครเมียมพาดผ่านต่อเนื่องถึงไฟขับขี่เวลากลางวัน โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากดาบซามูไรญี่ปุ่น
ไฟหน้า LED ปรับองศาสูงต่ำได้

กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอก กันกระแทกใต้กันชนดีไซน์เท่ ซุ้มล้อสีดำเพิ่มความดุดัน ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว

ภายในตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม อุปกรณ์อำนวยความสะดวก รองรับทุกฟังก์ชัน มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลแจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ

หน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay, Android Auto ช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI บริเวณคอนโซลหน้า ช่องจ่ายไฟสำรอง 12V 3 ตำแหน่ง

แม้มีเวลาสัมผัสเจ้า ซูซูกิ XL7 แค่เพียงไม่นาน แต่บอกได้เลยว่า มีบุคลิกที่แตกต่างจากซูซูกิ เออร์ติก้า อย่างชัดเจน ในทุกมิติ
สนนราคาถือว่าน่าคบหาอยู่ที่ 779,000 บาท

โดย กิตติพงศ์ ศรีเจริญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน