‘มาสด้า’ได้ฤกษ์อวดโฉมปิกอัพ‘BT-50’อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด“พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” พร้อม 2 ขุมพลังดีเซล 1.9 ลิตร และ3.0 ลิตร

‘มาสด้า BT-50’ใหม่ ยังคงเอกลักษณ์โคโดะ ดีไซน์ เน้นความเรียบง่าย สง่างาม แต่แข็งแกร่ง ดูทรงพลัง ผสานรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย และความสะดวกสบายเสมือนรถเอสยูวี

กระจังหน้าที่ออกแบบด้วย Signature Wing ขนาดใหญ่ ที่มองผาดๆ แล้วให้นึกถึงรถ SUV ของค่ายนี้เสียเหลือเกิน ไฟหน้า และไฟท้ายทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยว เส้นสายด้านข้างไหลลื่น ซุ้มล้อขนาดใหญ่ แสดงออกถึงความบึกบึน

ภายในห้องโดยสารเลือกใช้วัสดุชั้นสูง ผสมผสานกับโทนสีภายใน รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เสาภายใน และเพดานเลือกใช้โทนสีดำ ตัดกับหนังสีน้ำตาลเข้มของเบาะนั่ง

การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ ให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลักการ Human Machine Interface ง่ายต่อการใช้งาน การรับรู้ข้อมูลการขับขี่ รวมถึงสายเรียกเข้าหรือชื่อเพลงบนหน้าจอแบบสี ขนาด 4.2 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ อ่านง่าย

เบาะไฟฟ้าปรับได้ 8 ทิศทางและระบบดันหลัง ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone สามารถแยกปรับด้านซ้าย และขวาได้อย่างอิสระ พร้อมช่องแอร์ และช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จไฟอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับเบาะนั่งแถวหลัง ในรุ่นดับเบิลแค็ป 4 ประตู

All-New Mazda BT-50 มาพร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ด้วยรีโมท เปิดระบบปรับอากาศก่อนขึ้นรถ และมีระบบไฟในห้องโดยสารส่องสว่างอัตโนมัติในทันที เมื่อจับสัญญาณจากกุญแจรีโมท

ระบบ Infotainment มาพร้อมหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว สามารถตั้งค่า Home Screen ได้หลายรูปแบบ รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto?* ระบบนำทางที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 รุ่น เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250 MPa ให้ละอองน้ำมันละเอียด และการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ถูกวางอยู่ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

และเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร มาพร้อมระบบควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานได้อย่างแม่นยำ ให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถูกวางอยู่ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาด รองรับน้ำมันได้ถึง B20

ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่อง จังหวะการเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล และสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นโหมดแมนนวลได้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่ออกตัวได้แรง ให้กำลังฉุดลากสูงในทุกช่วงความเร็ว

ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูง ในรุ่น Hi-Racer ตอบโจทย์การขับขี่ได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รองรับการขับขี่ใบรูปแบบออฟโรดด้วยระบบ Electronic Diff-lock ที่เฟืองท้าย อีกทั้งรุ่น Hi-Racer และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถลุยน้ำได้สูงถึง 800 มิลลิเมตร
มีให้เลือก 3 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ รุ่น Standard Cab (STD) หรือกระบะตอนเดียวที่จะช่วยให้การบรรทุกของหนักเป็นเรื่องง่าย รุ่น Freestyle Cab (FSC) หรือกระบะตอนครึ่งรุ่นแค็ปเปิดได้ที่ตอบรับทุกการใช้งาน และรุ่น Double Cab (DBL) หรือรุ่น 4 ประตู ที่ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย

สีภายนอกมีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน กันบลู (Gunblue) สีเทา คอนกรีต เกรย์ (Concrete Gray) สีแดง เรด โวคาโน (Red Volcano) สีดำ ทรู แบล็ก (True Black) สีขาว ไอซ์ ไวท์ (Ice White) และสีเงิน อิงกอท ซิลเวอร์ (Ingot Silver)

มีจำหน่ายทั้งหมด 14 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นปิกอัพตอนเดียวที่ 553,000 บาท ไปจนถึงดับเบิ้ลแคปขับเคลื่อนสี่ล้อที่ 1.153 ล้านบาท

มาพร้อมข้อเสนอพิเศษช่วงเปิดตัว ดอกเบี้ยต่ำสุด 1.99% ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน