นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (PACO) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศรถยนต์ในตลาดทดแทน เพื่อขายในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่ แบตเตอรีคูลเลอร์ เพื่อรองรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ Plug-in Hybrid โดยเริ่มส่งออกไปจำหน่ายในประเทศบังกลาเทศ ศรีลังกา สิงคโปร์ และกำลังจะมีคำสั่งซื้อจากอเมริกาในปลายไตรมาส 3 นี้ โดยในปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าใหม่ดังกล่าวไม่ถึง 1% แต่คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ชัดเจนมากขึ้นในปี 2565 ซึ่งมองว่าการเจาะกลุ่มตลาดรถ EV เป็นไปตามแนวโน้มที่กำลังขยายตัวในอนาคต

“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และจะเข้ามาแทนที่ตลาดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป และ ประเทศจีนซึ่งเป็น 1 ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากทุกปี มีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ และจำหน่ายในราคาที่แข่งขันได้กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน (IC) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยี่แบตเตอร์รี่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกปี สามารถขับรถได้ระยะทางได้ไกลขึ้น (400-500 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง และแบตเตอรี่มี ราคาถูกลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ Plug-in Hybrid ทั่วโลกมากกว่า 11 ล้านคัน ณ สิ้นปี 2563 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 230 ล้านคันภายในปี 2573 จึงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่พอสมควร โดยผลิตภัณฑ์ของ PACO มีจุดเด่นที่ มีคุณภาพเทียบเคียงกับอะไหล่แท้ ในราคาที่ต่ำกว่าประมาณกว่า 200% และมีการรับประกันสินค้านานถึง 12 เดือน โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นตลาดส่งออกเป็นหลักและมีวางจำหน่ายตลาดในประเทศในเครือข่ายร้าน PACO Auto Shop กว่า 200 สาขาในปัจจุบัน” นายสมชายกล่าว

สำหรับภาพรวมรายได้ในปี 2564 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตกว่า 15% หรืออยู่ที่ 800 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 682.42 ล้านบาท ส่วนในปี 2565 คาดว่ารายได้จะเติบโตได้ 25% หรือแตะระดับ 1,000 ล้านบาท หลังจากทิศทางการเติบโตของตลาดรถยนต์ทั่วโลกฟื้นตัวดีขึ้น มีคำสั่งซื้อรถยนต์ใหม่ และอะไหล่รถยนต์เพิ่มมากขึ้น หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง และอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของบริษัทเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้อแอร์รถยนต์ล่วงหน้าไปถึงเดือนพ.ย.ปีนี้แล้ว ทำให้ล่าสุดบริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตโดยขยายเวลาการผลิตเป็น 20 ชั่วโมง/วัน จากเดิม 10 ชั่วโมง/วัน

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเนื่องจากรายได้หลักของบริษัท 53% มาจากการส่งออก ประกอบกับราคาวัตถุดิบเริ่มปรับตัวลดลง ด้านตลาดในประเทศเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน จากการขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจรภายใต้แบรนด์ PACO Auto Hub ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าขยายให้ได้ 300 สาขา และเพิ่มเป็น 500 สาขา ในปี 2565 โดยภายใน 3 ปีจากนี้จะขยายให้ได้มากกว่า 1,000 สาขา พร้อมกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน