กาแล็กซีเอส21อัลตราซัมซุง กาแล็กซี อัลตรา ซีรีส์ ถือเป็นเรือธงเหนือเรือธงที่ออกแบบมาสำหรับ ผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ามากกว่าใครๆ

ผลิตภัณฑ์จากค่ายซัมซุง ผู้พัฒนาเทคโนโลยีชื่อก้องโลกจากประเทศเกาหลีใต้ ตอกย้ำความสำเร็จของแนวคิดเหนือ เรือธงอีกครั้งตั้งแต่ต้นปี 2564 ด้วย ซัมซุง กาแล็กซี เอส 21 อัลตรา 5 จี (Samsung Galaxy S21 Ultra 5G)

ทีมข่าวสดไอทีมีโอกาสทดลองใช้งานอยู่ 2 สัปดาห์ จึงนำประสบการณ์การใช้งานมาเล่าสู่กันฟัง

สิ่งแรกที่สังเกตได้ถึงความแตกต่างทันทีคือ กล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ที่มีความหนาลดลงอย่างมาก เป็นผลมาจากการที่ซัมซุงยุติการแถมอุปกรณ์อย่างหัวชาร์จไฟ และหูฟังจากค่าย AKG มาให้เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง หรือโลกร้อน

เทรนด์นี้จุดระเบิดโดยค่ายแอปเปิ้ล เจ้าเก่า จากสหรัฐอเมริกา ชี้ให้เห็นว่ากล่องที่เล็กลงนั้นทำให้การขนส่งเที่ยวหนึ่งๆ ขนได้หลายเครื่องมากขึ้น จึงลดปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้โดยรวมลง สำหรับซัมซุง ภายในกล่องของซัมซุง กาแล็กซี เอส 21 อัลตรา จะมีเพียงสมาร์ตโฟน สายเคเบิลแบบ USB-C to USB-C คู่มือ และเข็มจิ้มถาดซิมเท่านั้น

แม้จะเป็นเหตุผลที่ดี แต่ภาระกลับต้องมาตกกับผู้บริโภคที่ต้องไปซื้ออุปกรณ์เพิ่มอีกหากต้องการ ซัมซุงเองก็เคยล้อเลียนแอปเปิ้ลจุดนี้ไว้ น่าจะคิดหาหนทางอื่นมากกว่าเดินหน้าทำตามแอปเปิ้ล

อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้คงจะเป็นนิวนอร์มัลแน่ๆ ฉะนั้นก็ทำใจอย่างเดียว

เครื่องกาแล็กซี เอส 21 อัลตรา 5 จี ที่ข่าวสดได้มาทดสอบใช้เป็นสีดำ แฟนธอม แบล็ก สวยงามอย่างยิ่ง

สำหรับหลายคนนั้นสีดำอาจฟังดูเป็นสีที่น่าเบื่อ แต่ซัมซุงระบุว่าด้านการออกแบบนั้นเป็นสีที่ออกแบบยากและท้าทายที่สุด

พื้นหลังของเครื่องนั้นเป็นกระจก Gorilla Glass Victus สีดำด้านประกายหมอก (Haze Finish) ส่งผลปัญหาเรื่องรอยนิ้วมือลดลงอย่างมาก เป็นจุดที่ถูกใจมาก ขณะที่ขอบทั้ง 4 ด้านนั้นเป็นอะลูมิเนียมสีดำเงา ที่มารอบนี้รวมเป็นเนื้อเดียวกับโมดูลกล้องที่นูนออกมาจากตัวเครื่องเล็กน้อย ภายใต้การออกแบบเฉพาะใหม่ของซัมซุง เรียกว่า คอนทัวร์ คัต (Contour cut)

เมื่อหงายจอขึ้นมาจะพบปุ่มปรับระดับเสียงและเปิด-ปิดอยู่ที่ขอบด้านขวาของเครื่อง ปุ่มมีความแน่นคงทน สีดำเงาพรางเป็นหนึ่งเดียวกันกับขอบ ส่วนที่ขอบล่างเป็นที่อยู่ของถาดใส่ซิมแบบนาโน (2 ด้าน) ช่องเชื่อมต่อข้อมูลและชาร์จไฟแบบ USB-C และช่องลำโพงระบบสเตอริโอร่วมกันกับช่องลำโพงแบบพรางที่ริมขอบบน โดยรุ่นนี้ไม่สนับสนุนการ์ดเก็บข้อมูลเสริม microSD ซึ่งสำหรับผู้ทดสอบเองไม่ค่อยได้ใช้งานส่วนนี้อยู่แล้ว

หน้าจอแสดงผลของเครื่องรุ่นนี้เป็น Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว มีอัตรารีเฟรชสูงสุด 120 เฮิร์ตซ์ (Hz) และความสว่างสูงสุดถึง 1,500 นิต รองรับเทคโนโลยีภาพ HDR10+ มีความละเอียดสูงสุด 1,440 x 3,200 พิกเซล ใช้อัตราส่วนภาพแบบ 20:9 ความหนาแน่นพิกเซลมากถึง 519 พิกเซลต่อตารางนิ้ว (ppi) และพื้นที่จอต่อเครื่องสูงถึงร้อยละ 89.8

นอกจากดีไซน์ที่แทบมองไม่เห็นขอบของจอภาพแล้ว ทางซัมซุง ยังปรับเปลี่ยนองศาความโค้งของขอบซ้ายและขวาให้แลดูน้อยลง ส่งผลให้จอแลดูมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แต่ยังคงความมีมิติที่โดดเด่นจอภาพไว้

แน่นอนว่าซัมซุงน่าจะมีเหตุผลอื่นอีกในการลดพื้นที่โค้งบนจอลง อาทิ อัตราส่วน 20:9 ที่ทำให้โทรศัพท์แลดูเป็นทรงสูงอยู่แล้ว และความสะดวก ในการใช้ปากกา S Pen ซึ่งกาแล็กซี เอส 21 อัลตรา เป็นเอส ซีรีส์ รุ่นแรกที่ใช้สไตลัสได้!

ปากกา S Pen ซัมซุงไม่ได้แถมมาให้จึงต้องซื้อเพิ่มเอง รวมทั้งที่ตัวเครื่องไม่ได้มีช่องเก็บปากกาเหมือนโน้ตซีรีส์ หมายความว่า ถ้าไม่พกไว้เอง ก็ต้องซื้อเคสที่มีช่องเก็บปากกา มาใส่สมาร์ตโฟน

เอาเป็นว่าถ้าใจรักจะใช้สไตลัสจริงๆ เรื่องแค่นี้ไม่น่าเป็นปัญหา ที่สำคัญ ปากกา S Pen ยังได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้จับและเขียนง่ายขึ้น แต่จะไม่สนับสนุนฟีเจอร์ Air actions ที่ให้ผู้ใช้ควบคุมสมาร์ตโฟนด้วยท่วงท่าสะบัดปัดเหวี่ยงต่างๆ เหมือนไม้กายสิทธิ์ S Pen Pro ที่วางจำหน่าย ตามมาทีหลังน่าจะสนับสนุนฟีเจอร์นี้

อีกจุดที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ เป็นระบบการปลดล็อกเครื่องด้วยการสแกนลายนิ้วมือผ่านคลื่นเสียงอัลตราโซนิก

ออกแบบใหม่ให้มีพื้นที่มากขึ้นกว่าเดิมเป็น 1.7 เท่า การ ปลดล็อกโทรศัพท์นั้นสะดวกรวดเร็วขึ้น เช่นเดียวกันกับ การปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้าก็มีความแม่นยำรวดเร็ว แม้ในที่ แสงน้อย ผู้ใช้ให้เครื่องบันทึกหน้าตาซ้ำได้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ขณะที่ซอฟต์แวร์ภายในเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 11 และหน้าตา One UI 3.1 ที่สวยงาม

ไฮไลต์ที่สุดของเครื่องกาแล็กซี เอส 21 อัลตรา 5 จี เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก “กล้องถ่ายภาพ” ที่มาพร้อมกับเลนส์ถึง 5 ตัวด้วยกัน เริ่มจากเลนส์เซลฟี่ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (MP) ที่ด้านหลังเครื่องมีเลนส์หลักความละเอียด 108 MP พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ตโฟนของซัมซุง

เลนส์อัลตราวายความละเอียด 12 MP เลนส์เทเลโฟโต้ 2 ตัว ความละเอียด 10 MP ทำให้รายละเอียดของภาพที่ได้จากการซูม 3X, 10X และ 30X นั้นออกมาชัดเจนอย่างน่าทึ่ง ตอกย้ำความหนำใจด้วยเทคโนโลยี Space Zoom ที่ซูมดิจิตอลได้ไกลถึง 100X ได้รับการปรับปรุงใหม่ ทำให้ภาพที่ออกมานั้นชัดเจนขึ้นกว่า รุ่นก่อนๆ ด้วยระบบโฟกัสแบบแสงเลเซอร์ ขณะที่การถ่ายภาพระยะเผาขน หรือมาโครนั้น แม้เอส 21 อัลตราจะไม่มีเลนส์มาโคร แต่ผสานการทำงานของเลนส์เทเลโฟโต้ 2 ตัวข้างต้นแทนได้ ทำให้ภาพที่ออกมานั้นได้คุณภาพที่ดี

การทดสอบพบว่า ภาพที่ออกมานั้นมีคุณภาพสูงอย่างน่า ตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียด แสงเงา และสีที่สมจริง ไม่ดูหลอกตาเกินไป การซูมยังง่ายได้ด้วยระบบการล็อกภาพแบบอัตโนมัติ โดยขณะเล็งนั้นโฟกัสจะจับภาพที่เล็งไว้เพื่อไม่ให้อาการสั่นทำให้โฟกัสคลาดไป โดยเฉพาะที่การซูมระดับ 30 และ 100 เท่า ซึ่งภาพที่ได้นั้นดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ มาก

แม้การซูมภาพที่ระยะ 30 และ 100 เท่านั้นจะยังไม่ถึงกับชัดเจน แต่คุณภาพที่ได้ออกมาระดับนี้นั้นถือว่าเป็นความน่าตื่นตะลึงอย่างมากสำหรับสมาร์ตโฟน ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งอื่นๆ รวมทั้งไอโฟน 12 จากแอปเปิ้ลด้วยในชั่วโมงนี้ แม้ในแง่คุณภาพ จะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่ผู้ทดสอบมองว่ากล้องของกาแล็กซี เอส 21 อัลตรานั้นมีความหลากหลายมากกว่า จึงถือว่าชนะไป

ส่วนกล้องเซลฟี่นั้น การทดสอบพบว่าให้ภาพที่ออกมาเป็นธรรมชาติ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการภาพแบบเน้นสว่าง หรือแลดูเป็นธรรมชาติ ขณะที่การถ่ายคลิปนั้นสนับสนุนได้ถึงความละเอียด 4K ที่อัตราเฟรม 60 เฟรมต่อวินาที (4K@60fps) ทุกกล้อง และกล้องหลังได้สูงสุดถึง 8K@24fps พร้อม ลูกเล่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดอย่าง Director’s View ที่กล้อง จะถ่ายทั้งหน้าและหลังพร้อมกัน เหมาะสำหรับการถ่ายทำคลิปประเภท Reaction ต่อสถานการณ์ตรงหน้า ซึ่งกำลังเป็นหนึ่ง ในรูปแบบสื่อที่นิยมสำหรับเหล่า Vlogger ทั้งหลาย

สําหรับสเป๊กภายในของซัมซุง กาแล็กซี เอส 21 อัลตรา นั้นเรียกว่าสุดๆ แล้วชั่วโมงนี้เช่นกัน โดยใช้ขุมพลังจากชิพประมวลผล (SoC) Exynos 2100 ของค่ายซัมซุง ซึ่งสร้างบนสถาปัตยกรรมการผลิตขนาด 5 นาโนเมตร

ภายในประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลางแบบ 8 คอร์ (Octa-core) แบ่งเป็น 3 คลัสเตอร์ ได้แก่ Cortex-X1 ความถี่สัญญาณนาฬิกา 2.9 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) จำนวน 1 คอร์ Cortex-A78 ความถี่ 2.80 GHz จำนวน 3 คอร์ และ Cortex-A55 ความถี่ 2.2 GHz จำนวน 4 คอร์

ผลการเปรียบเทียบกับ SoC รุ่น Snapdragon 888 จากค่าย ควอลคอมม์ พบว่ายังมีประสิทธิภาพตามหลังอยู่แต่ถือว่าเข้าใกล้มากแล้ว และเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของชิพ Exynos เพราะมีประสิทธิภาพคอร์หลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 และประหยัดไฟเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 ขณะที่หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G78 MP14 สามารถรองรับเกมกราฟิกสูงได้ครบครัน รวมถึงเกมอนิเมะยอดนิยมอย่าง Genshin Impact จากค่าย miHoYo ประเทศจีนด้วย

กาแล็กซี เอส 21 อัลตรา มีหน่วยความจำแรมสูงสุดถึง 16 กิกะไบต์ (GB) พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128, 256 และ 512 GB บนมาตรฐาน UFS 3.1 มีลำโพงสเตอริโอผ่านการปรับ จูนเสียงจากค่าย AKG รองรับสัญญาณโทรศัพท์ 5G และ 4G LTE สนับสนุนสัญญาณ Wi-Fi 6E แบบ Dual-band และ Bluetooth 5.2

แบตเตอรี่ภายในมีขนาด 5,000 มิลลิแอมป์ชั่วโมง (mAh) การทดสอบใช้งานทั่วไปอยู่ได้นานถึงเกือบ 2 วัน รองรับระบบ ชาร์จไว 25 วัตต์ (W) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ชาร์จไร้สาย 15W และชาร์จไร้สายให้เครื่องอื่น 4.5W รวม น้ำหนัก 227 กรัม

ถือเป็นสุดยอดสมาร์ตโฟนของชั่วโมงนี้และเหมาะกับผู้ที่ยังไม่เดือดร้อนจากผลกระทบโควิดในชั่วโมงนี้เช่นกัน เพราะสนนราคาที่ 39,990 บาท วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย

จันท์เกษม รุณภัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน