นายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) เปิดเผยว่า ในฐานะที่ปรึกษาการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ ERP (Enterprise Resource Planning) ได้มีการลงนามติดตั้งระบบ SAP Business ByDesign Arabica ให้บริษัท บริษัท ไทย เคเค กรุ๊ป จำกัด (Thai KK) ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประเภท ลาเบล เทปกาว และเมลามีน รายใหญ่ซึ่งมีหลายสาขากระจายอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม

โดยระบบที่ใช้สำหรับลงนามครั้งนี้ Netizen และ SAP ได้ร่วมกันพัฒนาในการปฏิวัติวงการซอฟต์แวร์ ERP ที่เป็นระบบ Real Cloud ERP ที่แท้จริง ด้วย SAP Business ByDesign โดย Netizen ได้นำเสนอซอฟต์แวร์บริหารจัดการทั้งองค์กร ในเวอร์ชั่น “Netizen ByDesign Arabica” ที่ Netizen ได้นำระบบของ SAP มาพัฒนาให้กับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งถือเป็นการให้บริการที่มีการพัฒนาต่อยอดเพียงรายเดียวในประเทศไทย

ระบบนี้ สามารถเชื่อมโยงการทำงานได้แบบ Real time ซึ่งผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าถึงการทำงานได้อย่างรวดเร็ว และทันท่วงที อีกทั้ง SAP Business ByDesign version Netizen ByDesign Arabica จะเป็นการปฏิวัติวงการ SAP ERP ที่ได้มีการรับรองจากกรมสรรพากร เป็นครั้งแรก (หมายเลข 0550) ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์นี้สามารถเชื่อมโยงระบบการจ่ายภาษีกับสรรพากรได้อย่างถูกต้อง ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือสำหรับองค์กรที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และยังช่วยตอบสนอง Lifestyle การดำเนินธุรกิจในยุคของ Cloud ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทางธุรกิจได้อย่าง รวดเร็ว คล่องตัว รองรับการขยายตัวทางธุรกิจไปยังสาขา ทั้งใน และต่างประเทศ ได้ง่าย และทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึง Netizen ByDesign Arabica สามารถตอบโจทย์กระบวนการบริหารจัดการองค์กรได้อย่างเหมาะสมในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากที่สุดในเรื่องของการรองรับรายงานการจัดการทางภาษี ให้กับองค์กรได้อย่างครบถ้วน

สำหรับการลงนามในครั้งนี้มูลค่าโครงการกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการลงนามครั้งประวัติศาสตร์ เพราะเป็นการใช้บริการ จำนวนผู้ใช้งาน (User) 150 ราย มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายเชวง อยู่วิมลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทย เคเค กรุ๊ป จำกัด (Thai KK) กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือมาเลเซีย และเวียดนาม อีกทั้งบริษัทยังมีแผนที่จะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตอันใกล้ บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านระบบ เพื่อช่วยในการบริหารงานช่วยลดขั้นตอนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานซึ่งเป็นส่วนช่วยในการขยายขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ ซึ่งการลงนามครั้งนี้จะช่วยให้ Thai KK มีการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และยังเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการขยายธุรกิจได้มากขึ้นในรูปแบบที่ซอฟต์แวร์เดิมไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีขีดความสามารถจำกัด

โดยที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ยประมาณ 15-20% และคาดว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงระบบในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถและผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงระบบในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีความเป็นมาตรฐานสากล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน