นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในปีงบประมาณ 2561 จำนวน 241 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) หลังจากที่ สขค. ได้รับโอนงบประมาณจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จำนวน 6.5 ล้านบาท จึงได้มีการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อดำเนินงานจัดตั้งหน่วยงาน สขค. ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ในเร็วๆ นี้

ด้านนายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กล่าวว่า พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 ถือว่าเป็นกฎหมายแข่งขันทางการค้าที่ทันสมัยมีความเป็นสากล และเป็นการปฏิรูปครั้งสำคัญของการมีกฎหมายแข่งขันทางการค้า ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมีกฎหมายเดิมที่บังคับใช้มานานถึง 18 ปี ซึ่งกฎหมายนี้จะดูแลผู้ประกอบธุรกิจทุกราย รวมไปถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน ยกเว้นหน่วยงานราชการ และเกษตรกร

ทั้งนี้ พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า 2560 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2560 ถือเป็นกฎหมายที่รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาปรับเปลี่ยนจากกฎหมายฉบับเดิมโดยถือ เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและเป็นการปรับ โมเดลวิธีการทำงานต่างจากเดิม โดยยึดตามหลักสากล ที่จะมาดูแล การแข่งขันทางธุรกิจให้มีความเป็นธรรมไม่ให้เกิดกรณีของการมีอำนาจเหนือตลาดการฮั้วหรือการกลั่นแกล้งกัน ซึ่งกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าเป็นองค์กรอิสระ ไม่ต้องอยู่ภายใต้กระทรวงพาณิชย์อีกต่อไป

ภายในเดือนส.ค.นี้ จะมีการจัดตั้งสำนักงานเสร็จฯ และจะมีการสรรหาคณะกรรมการเข้ามาดำเนินงาน 7 คน รวมทั้งสรรหาผู้มาทำหน้าที่เป็นเลขาธิการ โดยทุกคนจะทำงานแบบเต็มเวลา หากเกิดกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นก็สามารถพิจารณาแก้ไขปัญหาได้โดยทันที รวมทั้งต่อไปจะทำงานประสานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

“ภายใต้กฏหมายฉบับใหม่มีการเปลี่ยนแปลงบทลงโทษ จากกฎหมายฉบับเดิม ที่มีโทษจำคุก 3 ปีปรับ 6 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เปลี่ยนใหม่ ให้มีโทษจำคุก 2 ปีส่วนการปรับเปลี่ยนเป็นไม่เกิน 10% ของรายได้ทั้งปีของธุรกิจทำความผิด เช่น มีรายได้ 1,000 ล้านบาท จากที่จะถูกปรับ 6 ล้านบาทก็เป็นถูกปรับ 100 ล้านบาท และเพิ่มโทษทางปกครอง ให้อำนาจคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าเปรียบเทียบปรับได้เลยทันที 6 ล้านบาท และปรับอีกวันละ 300,000 บาทจนกว่าจะเลิกทำผิด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน