นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่รองประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) (พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ) รับคำสั่งประธานกรรมการ นบข. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เห็นชอบให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐออกประกาศจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2561 ปริมาณ 4.37 หมื่นตัน จำนวน 20 คลัง ซึ่งกรมฯ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐได้จัดให้มีการชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขประกาศ (TOR) การจำหน่ายข้าวสารดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2561

โดยผลจากการเปิดซองเสนอซื้อปรากฏว่ามีผู้สนใจมายื่นซองจำนวน 35 ราย โดยเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 9 ราย ใน 20 คลัง ปริมาณ 4.37 หมื่นตันทั้งหมด มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 534 ล้านบาท ช่วงราคาเสนอซื้อสูงสุด 6,000-22,000 บาท/ตัน สำหรับชนิดข้าวที่มีผู้เสนอราคาซื้อมากที่สุดคือ ข้าวขาว 5% ปริมาณ 2.45 หมื่นตัน คิดเป็น 56.08% เฉลี่ยราคา 11,437 บาทต่อตัน รองลงมาได้แก่ ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปริมาณ 7,300 ตัน คิดเป็น 16.74% เฉลี่ยราคา 18,000 บาทต่อตัน ซึ่งถือว่าสูงกว่าการระบายรอบที่ 3/2560 เมื่อช่วงมี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือเป็นข้าวหอมจังหวัดปริมาณ 5,900 ตันและปลายข้าวเอวันเลิศ

สำหรับขั้นตอนต่อไป กรมจะดำเนินการประมวลผลการยื่นซองเสนอซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2561 เข้าที่ประชุมคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐ ในวันที่ 22 พ.ค. และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวในวันที่ 28 พ.ค. ก่อนเสนอประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ที่เสนอชื้อสูงสุด 9 รายประกอบด้วย หจก.รุ่งเรืองพืชผล 2504, บจก.ธัญญไร้ซ์ (ไทยแลนด์), หจก.โรงสีทรัพย์แสงทอง 2550, บจก.ร่วมเจริญพัฒนาการข้าว, บจก.กำแพงเพชร เอ็กซ์ปอร์ต, หจก.สุวิทย์ ไรซ์มิลล์, บจก.วัฒนพร อินเตอร์โกลเด้นไร้ซ์, บจก.ครอบครัวข้าวสาร และบจก.ธนสรรไรซ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน