นางพรทิพย์ วิพัฒนพร กรรมการผู้จัดการบริษัท กรุนด์ฟอส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการเข้าร่วมลงทุนในพื้นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ว่าบริษัทได้หารือและเตรียมการลงทุนมาแล้วประมาณ 2-3 ปี โดยได้เตรียมการในภาพรวมจังหวัดใดบ้างในพื้นที่อีอีซี ที่บริษัทจะเข้าไปลงทุน รวมทั้งศึกษาสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อวางกลยุทธ์ทางด้านการตลาดที่เกี่ยวกับการลงทุนในอีอีซี
“บริษัทดำเนินธุรกิจในไทยมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว เรามีตัวแทนจำหน่ายสินค้าของเราอยู่ทั่วประเทศไทย การที่เราจะใช้การลงทุนในพื้นที่อีอีซี ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือที่เป็นคู่ค้าของเราก็ตาม จะทำให้เกิดการแข่งกันมากขึ้น ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องหาจุดเด่นของแต่ละจังหวัดเพื่อตัดสินใจที่จะลงทุน คาดว่าในปี 2562 น่าจะมีข่าวดีในเรื่องของการลงทุนได้” นางพรทิพย์ กล่าว
ด้านนาย พอล ดูว์ เย็นเซ่น (Mr.Poul Due Jensen) ประธานบริษัท กรุนด์ฟอส จำกัด (Grundfos) จากประเทศเดนมาร์ก กล่าวว่า บริษัท กรุนด์ฟอส ไม่มีนโยบายที่จะหยุดนิ่งมีแต่จะพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในด้านของโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เมืองใหม่อย่างอีอีซี ที่ทางบริษัทไม่ได้มองแค่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเท่านั้น แต่มองภาพรวมโดยการยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้าให้คนไทยได้ใช้ของดีที่เปรียบเสมือนการส่งคืนสิ่งดีๆกลับไปสู่สังคมไทยด้วย
นายคิม เย็นเซ่น (Mr.Kim Jensen) กรรมการผู้จัดการบริษัท กรุนด์ฟอสฯ ซึ่งดูแลในภาคพื้นเอเชียตะวันออก กล่าวว่า บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องปั้มน้ำที่ใช้ในบ้าน ชื่อว่า SCALA ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากยุโรป ที่ทางบริษัทได้พัฒนาและนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย ตั้งเป้ายอดจำหน่ายปีละ 500 ตัวทั่วประเทศ โดยเริ่มทำตลาดมาแล้วประมาณ 2 ปี
สำหรับบริษัท กรุนด์ฟอสฯ เป็นบริษัทผู้ผลิตปั้มน้ำที่ใช้ในอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก สัญชาติเดนมาร์ก ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมา 25 ปี ซึ่งนอกจากจะผลิตปั้มน้ำแล้ว ยังผลิตมอเตอร์มาตรฐานและมอเตอร์แบบจุ่มใต้น้ำเช่นเดียวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความทันสมัยสำหรับการตรวจสอบและการควบคุมการทำงานของปั้ม และผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม BioBooster และ LifeLink ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจใหม่ของบริษัท มีสาขามากกว่า 80 บริษัททั่วโลก มากกว่า 55 ประเทศ
ปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายในไทยจากที่ตั้งเป้าไว้ 1,200 ล้านบาท บริษัททำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ 1,203 ล้านบาท เติบโตขึ้นมาประมาณ 2% จากที่ตั้งเป้าไว้ ขณะที่ปีนี้ตั้งไว้ประมาณ 1,300 กว่าล้านบาท หรือประมาณ 7% โดยมีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 17 บริษัททั่วประเทศ ในเมืองหลักที่เป็นภาคอุตสาหกรรม เช่น บริษัท Min Sen Machinary กรุงเทพ,บริษัท wpm หาดใหญ่,บริษัท อินเตอร์ วอเตอร์ทรีทเม้นท์ จำกัด ขอนแก่น
