นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้า กยท. ตลาดกลางทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ คือที่จังหวัดสงขลา ยะลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี หนองคาย และบุรีรัมย์ จะได้รับเงินจำนวน 250 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายยางพาราจากเกษตรกร เพื่อให้ชาสวนได้รับเงินทันที เมื่อนำยางพารามาขาย ซึ่งที่ผ่านมาตลาดกลางไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายค่ายางพาราให้เกษตรกร จนกว่าจะนำยางไปขายให้กับผู้ซื้อก่อนจึงจะสามารถจ่ายเงินค่ายางพาราห้าวสวนได้

ทั้งนี้ เงินที่กยท. อนุมัติเป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 250 ล้านบาท ให้กับตลาดกลางทั้ง 6 แห่งทั่ว ที่มีโรงงานแปรรูปยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง แล้วก็น้ำยางข้น เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับตลาดในการจ่ายให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง แบบวันต่อวัน

นายเยี่ยม กล่าวในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทาน (Towards Supply-Chain Efficiency) ของสมาคมยางธรรมชาติแห่งอาเซียน (The Association of Natural Rubber Producing Countries : ANRPC) ซึ่งมีประเทศสมาชิกเข้าร่วมจำนวน 9 ประเทศ จากทั้งหมด 12 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม บังคลาเทศ อินเดีย อินโดนีเซีย กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา โดยการสัมมนาครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการหาแนวทางและการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งจะช่วยเหลือให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตในระดับที่พึงพอใจ

 

ทั้งนี้ การหารือร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกในครั้งนี้ เป็นการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ราคายางตกต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาต่อเกษตรกรชาวสวนยางทุกประเทศที่มีพื้นที่ปลูกยาง รวมทั้งประเทศไทย แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้มาจากการที่ปริมาณยางล้นตลาด แต่เกิดจากการการซื้อขายกันที่ตลาดยางเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีการซื้อขายเก็งกำไรล่วงหน้า และในที่ประชุมกำลังหารือทางออกร่วมกัน เพื่อจะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำร่วมกันโดยพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน