นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท. เปิดเผยว่า ปลายปีนี้ ทอท. จะเปิดให้เอกชนเข้ามาเสนอเงื่อนไขการร่วมพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ตามรูปแบบ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 หรือ พีพีพี บนพื้นที่ว่างภายในท่าอากาศยานสุวรรณภุมิ รวมจำนาน 2 แปลง ประกอบด้วย พื้นที่แปลง 37 ของกรมธนารักษ์ จำนวน 700 ไร่ และ ที่ดินเปล่าบริเวณถนนวัดศรีวารีน้อยของ ทอท. จำนวน 723 ไร่

สำหรับพื้นที่แปลง 37 นั้น เป็นพื้นที่เช่า ทอท. เช่ากรมธนารักษ์และจะหมดสัญญา ในปี 2575 เป็นแปลที่มีสาธารณูโภคเรียบร้อนแล้ว แต่เป็นขนาดเล็ก และมีข้อจำกัดเรื่องการใช้พื้นที่ เพราะสัญญาเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์จะหมดอายุในปี 2575 จึงวางแผนที่จะพัฒนาโครงการขนาดเล็ก หรือธุรกิจขนาดเล็กที่มีการคืนทุนเร็ว เพราะเหลือเวลาให้สัมปทานเพียง 15 ปีเท่านั้น เช่น ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ธุรกิจเปลี่ยนยาง หรือคอมมูนิตี้มอลล์

ส่วนแปลงใหญ่ 723 ไร่ของ ทอท. นั้นเป็นพื้นที่ว่างเปล่ายังไม่มีระบบสาธารณูปโภค เบื้องต้น บอร์ด ทอท. อนุมัติให้มีการตัดถนนบริเวณถนนศรีวารีน้อยเข้าไปยังพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มศักยภาพที่ดินให้มีความพร้อมในการพัฒนาโครงการ รวมทั้ง ทอท. อยู่ระหว่างการยื่นขอปรับผังที่ดินจากเดิมกำหนดเป็นพื้นที่สีเขียว หรือที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม มาเป็นพื้นที่สีน้ำเงิน หรือที่ดินที่ดินประเภทหน่วยงานราชการ และสาธารณูปโภค เช่นเดียวกับพื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับส่วนนี้จะเน้นพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการดำเนินกิจการท่าอากาศยาน เช่น โลจิสติกส์ปาร์ก คาร์โก้หรือคลังสินค้า เป็นต้น

“ทอท. อยู่ระหว่าง เปิดรับฟังความเห็นการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้ง 2 แปลง เบื้องต้นมีผู้ประกอบการคนไทย ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ รวมประมาณ 20-30 ราย แสดงความสนใจที่เข้ามาลงทุนพัฒนาพื้นที่ โดยนักลงทุนรายใหญ่สนใจเช่าพื้นที่แปลง 723 ไร่ เสนอที่จะเข้ามาพัฒนาเป็นโรงแรม โลจิสติกปาร์ก ส่วนรายเล็กสนใจแปลง 37 ไร่ ซึ่งมีการยื่นข้อเสนอมาแล้วหลายราย โดยในอนาคต ทอท. จะมีการสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลจากสนามบินเชื่อมต่อเข้ามายังพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้ง 2 แปลงด้วย”

สำหรับส่วนนักลงทุนต่างชาตินั้นคาดว่าจะเสนอแผนเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวแน่นอน เนื่องจากทอท. กำลังดำเนินโครงการ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออก (Certify Hub) เพื่อเป็นศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าการเกษตรก่อนส่งออกไปยังประเทศปลายทางให้ได้มาตรฐานสากล คาดว่าในอนาคตจะมีผู้ประกอบการโลจิสติกส์ จากลาว กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมา เข้ามาใช้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังต่างประเทศแน่นอน

นายนิตินัยกล่าวถึงการเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือพื้นที่ร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อทดแทนบริษัท คิงเพาเวอร์ ที่จะหมดอายุสัญญาลงในสิ้นเดือนก.ย. 2563 ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำเงื่อนไขการประกวดราคา หรือทีโออาร์ คาดว่าประมาณ ก.ค.-ส.ค.ปีนี้ จะแล้วเสร็จ และได้ตัวผู้ชนะการประมูลปลายปีนี้แน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน