นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ว่า เบื้องต้นยืนยันกรณีที่บริษัท โกลบอล กรีน เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือจีจีซี (GGC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของปตท. เกิดปัญหาวัตถุดิบคงคลังหรือน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) มูลค่า 2,000 ล้านบาท หายไปจากคลังสินค้านั้นไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการส่งเสริมให้รถบรรทุกขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ใช้บี 20 เพื่อดูดซับปริมาณซีพีโอได้ 5-6 แสนตันต่อปี เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ใช้ประมาณ 1.3 ล้านตันต่อปี จากซีพีโอทั้งระบบที่มีประมาณ 2 ล้านตันต่อปี ช่วยบรรเทาปัญหาผลผลิตน้ำมันปาล์มล้นตลาดและกดดันราคาตกต่ำ ซึ่งคงต้องรอผลการตรวจสอบที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 วันนี้

ทั้งนี้ เบื้องต้นมีผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 จำนวน 5 ราย ได้แก่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด หรือพีทีทีโออาร์, บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น, บมจ.ไออาร์พีซี, บมจ.ซัสโก้ และบริษัท ซัสโก้ ดีลเลอร์ส จำกัด เข้าร่วมโครงการจำหน่ายน้ำมันบี 20 ให้ผู้ประกอบการรถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ 24 ราย และเรือด่วนเจ้าพระยา 1 ราย ในราคาที่ต่ำดีเซลปกติ (บี 7) 3 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อค่าโดยสารและค่าขนส่งต้องปรับขึ้นจากราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น

“น้ำมันดีเซลบี 20 อยู่ในช่วงนำร่องใช้ได้เฉพาะกลุ่ม ยังไม่แนะนำให้ประชาชนใช้ในรถยนต์นั่งเป็นการทั่วไป จึงไม่ได้จำหน่ายในปั๊มทั่วประเทศแต่อย่างใด ดังนั้น จึงควรดูหากดีเซลปกติหรือบี 7 ที่ขายตามปั๊มจะมีสีเขียว แต่บี 20 เติมมาร์กเกอร์เป็นสีแดงให้สังเกตจุดนี้ และการที่ฮีโน่ทำหนังสือแจ้งใช้บี 20 ไม่ได้นั้นไม่อยากให้มองรายใดรายหนึ่งเพราะสมัยก่อนเราเพิ่มบี 5 เป็นบี 7 สมาคมผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่นก็ออกเอกสารแสดงจุดยืนว่าไม่แนะนำให้ใช้เกินบี 5 แต่เราก็ใช้บี 7 มา 3 ปีแล้วไม่เห็นมีปัญหาอะไร”นายศิริ กล่าว

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เบื้องต้นตั้งเป้าหมายมีรถโดยสาร รถขนส่งและรถบรรทุกใช้น้ำมันบี 20 จำนวน 4 แสนคันทั่วประเทศ ซึ่งจะสามารถใช้ได้ในรถบรรทุกที่มีเครื่องยนต์ประเภทยูโร 1-2 เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้ก่อน เพราะยังไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน