เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2561 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและติดตามงานกระทรวงคมนาคม ว่า ขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ให้เป็นไปตามเป้าหมายและให้ทำงานให้เต็มที่ในช่วงเวลา 7-8 เดือนที่เหลือก่อนการเลือกตั้ง โดยกรมทางหลวงต้องเร่งรัดโครงการมอเตอร์เวย์ บางใหญ่- กาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้ติดเรื่องกฎหมาย ส่วนกรมทางหลวงชนบท ได้ขอให้นำโครงการสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลตาม โครงการทางไทยแลนด์ริเวียร่ามาทำก่อนภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่คู่ขนานไปกับถนนสุขุมวิทเดิม

ส่วนการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้เร่งสร้างส่วนต่อขยายในเส้นทางสายใต้ โดยทางคู่เส้นทางเดิมนครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ให้ต่อขยายไปจนถึง สุราษฏร์ธานี ส่วนรถไฟความเร็วสูง กทม.-หัวหิน ที่จะประกาศทีโออาร์เร็วๆ นี้ ขอให้สร้างส่วนต่อขยายไปยังสุราษฎร์ธานีด้วย เพื่อให้สามารถเชื่อมเข้าสู่ทะเลอันดามันได้ทั้ง 2 ฝั่ง สามารถสนับสนุนโครงการไทยแลนด์ริเวียร่าได้ ซึ่งในอนาคตไทยจะกลายจะเป็นโครงข่ายการคมนาคมขนส่งของ กลุ่มซีแอลเอ็มวีที คือกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย

นอกจากนี้ ให้เร่งรัดการต่อขยายเส้นทางรถไฟในจังหวัดท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมืองรองให้สามารถวิ่งเป็นวงกลมได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ ภาคเหนือ และตะวันออกจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ เบื้องต้นมอบให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะไปศึกษาและนำโครงการนี้ขึ้นมาทำก่อนในปีหน้า โดยต้องทำทีโออาร์ เปิดประมูลและเสนอให้ครม. พิจารณาอนุมัติโครงการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้

นายสมคิด กล่าวต่อถึงงานด้านการบิน ว่า ทอท. เตรียมที่จะรับโอน 4 สนามบิน คือ อุดรธานี ตาก สกลนคร และชุมพร จากรมท่าอากาศยาน (ทย.) แล้ว ส่วนสนาบินของทย. ที่เหลือ อีก 24 สนามบินให้กระทรวงคมนาคมเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมประมูลเพื่อบริหารและพัฒนาสนามบินด้วย ไม่เฉพาะแต่ ทอท. ส่วนงานทางน้ำ กรมเจ้าท่า ต้องพิจารณาเปิดเส้นทางเดินเรือใหม่ในทะเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามโครงการไทยแลนด์ริเวียร่า โดยเฉพาะ เส้นทาง สัตหีบ-หัวหิน และ สุราษฎร์ธานี-สมุย โดยมอบให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เข้ามารับผิดชอบเรื่องนี้ โดยตรง

“ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยโตได้ดี ระดับความสามารถในการแข่งขันไทยดีขึ้น เพราะโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคม ดังนั้น ในช่วง 7-8 เดือนที่เหลือก่อนเลือกตั้ง ไม่อยากให้ชักช้า อยากให้เร่งงาน เพราะหากไทยสามารถสร้างเส้นทางคมนาคม เพื่อเชื่อมต่อภูมิภาคได้ครบทั้งหมด ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญสามารถเดินทาง เชื่อมจีน และซีแอลเอ็มวีทีได้”

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า เดือนส.ค.-ต.ค. นี้ กระทรรวงจะเสนอโครงการเข้าพิจารณาอนุมัติในครม. จำนวนมาก เช่น รถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง โดยภายในสิ้นเดือนก.ค. จะนำเสนอครม. ได้ก่อน 1 เส้นทาง คือเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ส่วนอีก 8 เส้นทางได้ขอให้รฟท. ทำข้อมูลเพิ่มเติมตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง โดยบอร์ดเห็นชอบแล้ว รอส่งเรื่องกลับมากระทรวง เพื่อส่งต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คาดว่าทั้ง 9 โครงการจะนำเสนอครม. ได้เร็วที่สุดเดือนก.ย.-ต.ค.

ส่วนรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร นั้นจะเร่งนำเสนอโครงการเข้าสู่การพิจารณาของครม. ได้ในช่วง ต.ค.-พ.ย. จำนวน 3 เส้นทางคือ สายสีม่วง (ใต้) ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ , สายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย คือ ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ส่วนรถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ตสิ้นปีนี้จะขออนุมัติ ครม. ออกทีโออาร์ได้

สำหรับทางอากาศนั้น ได้เร่งรัดให้ ทอท. แก้ปัญหาสนามบินภูเก็ต โดยเฉพาะปัญหาระบบน้ำหยดจากเครื่องปรับอากาศ และเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองที่มีปัญหาแออัด ส่วนสนามบินเชียงราย ต้องแก้ไขพื้นที่ภายในสนามบินโดยต้องเพิ่มพื้นที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารให้มากขึ้น เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ปัจจุบันนำให้ร้านค้าเช่าขายของมากกว่า ซึ่งมองว่า ทอท. ไม่ควรมองเรื่องผลตอบแทนหรือผลกำไรมากเกินไป ส่วนสนามบินดอนเมืองจะต้องเร่งรัดแก้ปัญหาจราจรแออัด โดยสร้างพื้นที่จอดรถเพิ่มเติมบริเวณใกล้กับร้านเจ้เล้ง

ส่วนรถไฟความเร็วสูงเส้นทาง กทม.-หัวหิน นั้น ได้เสนอไปที่คณะกรรมการพีพีพีแล้ว และส่งกลับมาให้กระทรวงคมนาคม ทำข้อมูลเพิ่มเติม โดยการต่อขยายที่จะไปถึงสุราษฎร์ฯ นั้น ได้มอบหมายให้ รฟท. กลับไปศึกษาความเป็นไปได้และการออกแบบส่วนต่อขยายแล้ว ส่วนรถไฟท่องเที่ยว ที่ต้องการให้ทำเป็นวงกลมนั้นเบื้องต้นมีแผนที่จะเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างเชียงใหม่กับเชียงราย เข้าด้วยกันแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน