เปิดมุมมองผู้บริหารห้าง เจาะลึกกำลังซื้อครึ่งปีหลัง

รายงานพิเศษ

เปิดมุมมองผู้บริหารห้าง – การที่หลายภาคส่วนปรับประมาณการ จีดีพีของเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2561 จะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่คาดไว้นั้น

มีเหตุที่เป็นนัยยะสำคัญจากครึ่งปีแรก ด้วยแรงส่งของเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างภาคการส่งออกที่ 5 เดือนแรกเติบโต 11% และการท่องเที่ยวที่ยังคงขยายตัวได้ในระดับสูง 13% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี

ส่งผลให้อุปสงค์ของภาคเอกชนภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวตามมา ทั้งการบริโภคและการลงทุน ทำให้ต่างเชื่อว่าจะเห็นกลับมาชัดเจนในครึ่งปีหลังนี้

ภาคเอกชนที่เป็นเครื่องมือวัดการลงทุนและการบริโภค อย่างภาคค้าปลีกจะ เชื่อมั่นในครึ่งหลังของปีอย่างไรนั้น

ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ “เทสโก้ โลตัส” นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด กล่าวว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี และคาดว่าจะดีต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มาจากการลงทุนของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น

บริษัทยังเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องตามแผน โดยงบลงทุนสำหรับปีงบประมาณ 2561 ไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว เพื่อเพิ่มสาขาใหม่ตั้งเป้าขยายพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มประมาณ 6 แสนตารางฟุต หรืออีก 40% เน้นร้าน เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ในทำเลอำเภอรองที่ยังขาดร้านค้าปลีกอยู่

ด้าน นายจักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริหารสินค้า”เดอะมอลล์” กล่าวว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้นตั้งแต่หลังเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เพราะผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจที่จะจับจ่าย

“เศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว จาก 2 เซ็กเตอร์คือ การท่องเที่ยว และการส่งออก ส่งผลดีต่อกำลังซื้อระดับบนก่อน และยังขยายตัวดีต่อเนื่องถึงปีนี้จึงจะเห็นผลต่อระดับล่าง จึงเชื่อว่ากำลังซื้อกลุ่มระดับล่างจะดีขึ้นชัดๆ ในปลายปีนี้”

ขณะที่ น.ส.ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการด้าน ส่งเสริมการตลาด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานกิจกรรมการตลาด และธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยาม พารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ครึ่งปีหลัง ผู้บริโภคกำลังซื้อดีขึ้นแน่นอน และพร้อมที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่พึงใจ ซึ่งสินค้าลักชัวรี่คือหนึ่งในนั้น

เห็นได้จากผลสำรวจของงานวิจัยต่างๆ พบว่าสินค้าลักชัวรี่ในปัจจุบันที่คนไทยนิยมซื้อสูงสุดคือนาฬิกา ที่มีสัดส่วนมากถึง 21% รองลงมาคือเสื้อผ้าแบรนด์เนม 17% และสินค้ากลุ่มสกินแคร์ 14% โดยเหตุผลการซื้อสินค้าลักชัวรี่ของคนไทยคือ ซื้อเพื่อให้รางวัลตัวเองเป็นส่วนใหญ่ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือเรื่องของโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย

ความเชื่อมั่นดังกล่าวทำให้สยามพิวรรธน์ เตรียม เปิดเมกะโปรเจ็กต์ที่ร่วมกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กับโครงการยักษ์ “ไอคอนสยาม” ในเดือนต.ค.นี้ บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีมูลค่า 54,000 ล้านบาท

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวว่า เชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยที่แข็งแรง ประกอบกับการลงทุนของภาครัฐในเมกะโปรเจ็กต์ และการขยายตัวดีต่อเนื่องของการท่องเที่ยว ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้ดีขึ้น

จึงมั่นใจการลงทุนที่เตรียมจะเปิดเซ็นทรัล ภูเก็ต ในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นโครงการชูธงในปี 2561 และจะเป็นแฟล็กชิปสโตร์แห่งใหม่ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อรับการเติบโตของประชากรและนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน

ค้าปลีกกลุ่มเซ็นทรัล น.ส.ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ผู้บริหารเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ ท็อปส์ เผยว่า กำลังซื้อ ผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตเติบโตอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และคาดว่าจะดีต่อเนื่องไปทั้งปี

แผนการลงทุนจะเปิดท็อปส์พลาซ่าเพิ่มอีก 2 สาขา คือ จ.สิงห์บุรี และอีก 1 จังหวัดในภาคอีสาน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจังหวัดที่มีความเหมาะสม ในส่วนของท็อปส์ซูเปอร์สโตร์ ก็มีแผนจะขยายร้านใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขาเช่นกัน จากปัจจุบันมี 7 สาขา เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น

ส่วนอีกหนึ่งเซ็กเตอร์ที่จะมาสะท้อนภาพใหญ่ของกำลังซื้อผู้บริโภค “เครือสหพัฒน์” ประธานใหญ่ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ได้กล่าวไว้ว่า ภาพรวมกำลังซื้อในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ฟื้นตัวเล็กน้อย และน่าจะต่อเนื่องไปจนถึง 6 เดือนที่เหลือ แต่กำลังซื้อระดับล่างยังไม่ฟื้นตัวนัก

เครือสหพัฒน์ 6 เดือนแรก ยอดขายเติบโตเพียง 1-2% เพราะสินค้ากลุ่มแฟชั่นเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งสินค้าบางแบรนด์ของเครือติดลบถึง 10% แต่สินค้าในกลุ่มอาหารและสินค้า ที่ใช้ประจำวันยังเติบโต ดังนั้นทั้งปีน่าจะเติบโตได้ 1-2% เช่นกัน ถือว่าโดยรวม ดีกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่มียอดขายทรงตัว

“กำลังซื้อระดับล่างขาดเงินซื้อของ แต่ไม่ถึงยากจนไม่มีเงินซื้อข้าวซื้อของ ที่จำเป็น โดยหวังว่าในปีหน้าจะดีขึ้นและเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น การส่งออกไทย จะดีขึ้น หลังจากเลือกตั้ง และมีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ ซึ่งจะทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นและกลับมาลงทุนมากขึ้น”

สำหรับบริษัทในเครือ บุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ และทิศทางราคาพืชผล จากครึ่งปีแรกของปีนี้กำลังซื้อระดับล่างยังไม่ดีขึ้น และราคาพืชผลที่ยังไม่ได้ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่ารัฐบาลได้มีนโยบายต่างๆ ออกมากระตุ้น แต่ต้องใช้เวลา

โดยเฉพาะนโยบายโครงการประชารัฐ ถือว่าเป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยแบ่งเบาภาระประชาชน และกระตุ้นกำลังซื้อระดับล่างได้ ซึ่งยังไม่เห็นผลในทันที ต้องใช้ระยะเวลา

อย่างไรก็ดี ทางสมาคมผู้ค้าปลีกไทย โดย จริยา จิราธิวัฒน์ ประธาน ให้มุมมองว่า ภาวะเศรษฐกิจ โดยรวมที่ชะลอตัวในช่วงขาลงมาอย่างยาวนานนั้น ผ่านจุดต่ำสุดของช่วงขาลง และทรงตัวไปแล้ว ตอนนี้กำลังปรับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างช้าๆ

ถ้าหากตัวแปรเศรษฐกิจ การเมือง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และราคาสินค้าเกษตร อยู่ในช่วง ขาขึ้นยาวนานสักระยะ การกระจายตัวของเศรษฐกิจ ก็จะสามารถคลี่คลายลงสู่ฐานรากได้ทุกภาค โดย น่าจะส่งผลให้กำลังซื้อรากหญ้าฟื้นตัวขึ้นอย่าง ชัดเจนในช่วงไตรมาสที่สองต่อไตรมาสที่สามของ ปี 2562

ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างที่คาดไว้หรือไม่ ดูแล้วบรรดาผู้ประกอบการเอกชนก็ยังออกแรงกระตุ้นกันอย่างหนักต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน