นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้มในขณะนี้ที่มีความผันผวนมาก ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2561 เห็นชอบปรับลดอัตราเงินชดเชยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก 50 สตางค์ต่อลิตร เป็น 13 สตางค์ต่อลิตร โดยยืนยันไม่มีผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าการตลาดยังอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ส่งผลให้ภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีรายจ่าย 1,040 บาทต่อเดือน เป็นมีรายจ่ายเหลือ 315 ล้านบาทต่อเดือน จากปัจจุบันสถานภาพเงินกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 15 ก.ค. 2561 บัญชีน้ำมัน มีฐานะเป็นบวกสุทธิ 29,673 ล้านบาท เพื่อสามารถมีเงินนำมารักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในประเทศได้ต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้

โดยจากสถานการณ์ด้านราคาก๊าซแอลพีจี ตลาดโลกขณะนี้มีความผันผวนมาก ที่ประชุม กบง. ยังมีมติให้กำหนดบัญชีแอลพีจี ของกองทุนน้ำมันฯ สามารถติดลบได้ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท เพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์แอลพีจี ให้เกิดเสถียรภาพในการรักษาระดับราคาแอลพีจีขายปลีกขนาดถัง 15 กิโลกรัม ให้คงอยู่ที่ 363 บาทต่อถัง ซึ่งต้องใช้เงินอุดหนุน 560 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อรักษาระดับราคาให้อยู่ในระดับนี้ได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน