นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ที่แสดงสถิติการส่งออกข้าวช่วงระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา พบว่าประเทศไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไปตลาดต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 25% ของมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด มีบางปีที่สัดส่วนขึ้นไปมากกว่า 30% โดยตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิอันดับ 1 ของไทยตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบันคือสหรัฐอเมริกา แต่ตามข้อมูลมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2557 จากเดิมมูลค่าการส่งออกข้าวหอมมะลิปีละ 50,000 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มลดลงทุกปี ดังนั้นผู้บริหารเรื่องข้าวของประเทศต้องพิจารณาและเตือนไปยังเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิเตรียมปรับตัว

ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญของการส่งออกข้าวหอมมะลิที่ลดลงเพราะสหรัฐฯ ได้ปรับปรุงพัฒนาข้าวหอมสายพันธุ์ใหม่ ถึง 3 สายพันธุ์ โดยมหาวิทยาลัยอาร์แคนซัสพัฒนาข้าวหอมสายพันธุ์จัสมิน Aroma17 คุณสมบัติมีกลิ่นหอมทัดเทียมข้าวหอมมะลิของไทย ให้ผลผลิตสูง 7,740 ปอนด์ต่อเอเคอร์ หรือ 1,388 กิโลกรัม(ก.ก.)ต่อไร่ มีอัตราการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารเฉลี่ยที่ระดับ 71%

มหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาพัฒนาข้าวหอมสายพันธุ์จัสมิน CLJ 01 คุณสมบัติมีกลิ่นหอมทัดเทียมข้าวหอมมะลิของไทย เมล็ดข้าวสวย มีท้องไข่น้อย ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ข้าวหอม Jazzman ที่มหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาพัฒนาก่อนหน้านี้ 30% โดยให้ผลผลิตสูง 1,645 ก.ก.ต่อไร่ และมูลนิธิวิจัยข้าวแคลิฟอร์เนียพัฒนาข้าวหอมสายพันธุ์จัสมิน Calaroma 201 คุณสมบัติมีกลิ่นหอมแต่น้อยกว่าจัสมิน ARoma17 มีปริมาณอมิโลสน้อย (Low amylose) และเป็นแป้งชนิดที่มีความคงตัวของแป้งสุกอ่อน (Low gel type) เมื่อหุงต้มจะได้ข้าวที่มีความอ่อนนุ่มสูงและให้ผลผลิตสูง 9,450 ปอนด์ต่อเอเคอร์ หรือ 1,695 ก.ก.ต่อไร่

ซึ่งพันธุ์จัสมิน Aroma17 ของมหาวิทยาลัยอาร์แคนซัส ได้วิจัยและทดลองในแปลงเสร็จสิ้นแล้ว และจะเริ่มส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 เป็นต้นไป สถานการณ์ดังกล่าว น่าเป็นห่วงเกษตรกรไทยมาก เพราะนอกจากคู่แข่งส่งออกข้าวหอมมะลิเดิมของไทยคือ อินเดีย ปากีสถาน เวียดนาม บังคลาเทศ เมียนมา กัมพูชา ที่สามารถผลิตมีข้าวหอมพันธุ์ดีแข่งขันกันอยู่ในตลาดโลกแล้ว หากมีคู่แข่งเพิ่มคือสหรัฐฯ ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ก็จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยแน่นอน

“การที่เกษตรกรไทยปลูกข้าวเพื่อขายและต้องค้าขายข้าวไปต่างประเทศ ถ้าไม่รู้ข้อมูลของคู่แข่ง หรือคู่ค้าถือว่าอันตรายมาก ดังนั้นจึงขอฝากผู้รับผิดชอบทั้งด้านการผลิตข้าว และการค้าข้าวต้องช่วยกันค้นหาข้อมูลและเตรียมการตั้งรับ เตรียมการแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยรีบด่วน”

นายประพัฒน์ กล่าวว่า ประเทศไทยโดยผู้เกี่ยวข้องควรวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อจะหนีจากคู่แข่งและเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านข้าวหอมของโลกไว้ให้ได้ หากปล่อยไปจนประเทศไทยสูญเสียตลาดส่วนนี้มีผลกระทบต่อชาวนาอย่างมากแน่นอน สภาเกษตรกรแห่งชาติจึงเตือนไปยังชาวนาด้วยความห่วงใยนอกจากจะหวังพึ่งพาภาครัฐแล้ว พี่น้องชาวนาต้องสนใจใฝ่ศึกษาข้อมูลเหล่านี้เพื่อจะได้นำไปปรับตัวในการผลิต และต้องเป็นทั้งผู้บริหารเรื่องข้าว และควรศึกษาร่วมกับการระแวดระวังภัย พร้อมปรับตัวไม่ให้คู่แข่ง/คู่ค้าแซงหน้า อันจะทำให้มีผลกระทบต่อชาวนาและตลาดข้าวหอมมะลิของไทย ซึ่งท้ายสุดเกษตรกรคือผู้รับผลกระทบหนักที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน