นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาและตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า คาดการณ์ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ตั้งแต่ถนนสุขุมวิท 55 หรือย่านทองหล่อ ถึง สุขุมวิท 63 หรือเอกมัย ในปี 2561 จะอยู่ที่ 3,000 ยูนิต สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 11 ปี อย่างไรก็ดี การเปิดตัวคอนโดใหม่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเป็นส่วนใหญ่ และเกือบทั้งหมดเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง เนื่องจากราคาที่ดินในย่านดังกล่าวขยับขึ้นไปค่อนข้างสูง โดยเฉพาะบริเวณปากซอยทองหล่อติดถนนสุขุมวิท ราคาเสนอขายสูงถึงตร.ว. 2.2 ล้านบาท ทำให้คอนโดมิเนียมเปิดใหม่มีราคาไม่ต่ำกว่า 3-3.5 แสนบาท/ตร.ม. ส่วนที่ดินในซอยเอกมัยราคาจะถูกกว่าราว 30-40% โดยราคาที่ดินมีตั้งแต่ตร.ว.ละ 7 แสนบาท และสูงสุดที่ 1.4 ล้านบาท ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของคอนโดฯ อยู่ที่ 1.8 แสนบาท/ตร.ม. และสูงสุดที่ 2 แสนบาท

โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริเวณทองหล่อ-เอกมัย มีคอนโดมิเนียมใหม่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดไปแล้ว 220 ยูนิต และในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีอีกไม่ต่ำกว่า 2,800 ยูนิต อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่ากว่า 40% จะอยู่ในทำเลเอกมัย ส่วนหนึ่งเพราะเป็นทำเลที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ไม่ไกลจากทองหล่อ ในขณะที่ราคาสามารถเอื้อมถึงได้มากกว่า

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้เป็นที่ปรึกษาและบริหารการขายพร้อมทำการตลาดโครงการปิติ เอกมัย ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การร่วมทุนระหว่าง บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ฮันคิว เรียลตี้ (ประเทศญี่ปุ่น) จำกัด ที่ตั้งโครงการบริเวณเอกมัย 24-26 บนที่ดิน 4 ไร่ครึ่ง มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท ซึ่งพัฒนาโดยนำหลักแนวคิดจากญี่ปุ่น “อิคิไก” เข้ามาใช้ในทุกรายละเอียดของการออกแบบโครงการ

โดยในโครงการประกอบด้วยอาคารชุดพักอาศัย 37 ชั้น จำนวนห้องชุดทั้งหมด 879 ยูนิต พร้อมพื้นที่ส่วนกลาง 1,900 ตร.ม. โดยในส่วนของห้องชุดพักอาศัยมีทั้งแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักประมาณ 80% ส่วนขนาดพื้นที่ใช้สอยมีตั้งแต่ 29-40 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอนอีกราว 20% ขนาดห้องเริ่มที่ 50-60 ตร.ม. โดยราคาเฉลี่ยตร.ม. 1.7 แสนบาท หรือราคาเริ่มต้นต่อยูนิต 4.45 ล้านบาท

เบื้องต้นบริษัทได้ตัดล็อตประมาณ 30% ให้เอเจ้นต่างชาติไปขายลูกค้าต่างประเทศประกอบด้วยจีน ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 1 ห้องนอน ส่วนราคาจะสูงกว่าในไทย หรือราคาต่อยูนิตประมาณ 5-6 ล้านบาท คิดเป็นเงินสกุลหยวนไม่ถึง 200,000 หยวน ซึ่งระดับราคานี้ถือว่าไม่แพงสำหรับตลาดลูกค้าคนจีน

ประกอบกับจากการเปิดการขายผ่านช่องทางออนไลน์ไปเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีลูกค้าจองซื้อแล้ว 100 ยูนิต และเตรียมที่จะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 ก.ย.นี้ คาดว่าในช่วง 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย.นี้) จะมียอดขาย 50% และภายในสิ้นปีนี้จะสามารถปิดยอดขายที่ 60-70%

นายพนมกล่าวอีกว่า จากการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมบริเวณทองหล่อ-เอกมัย พบว่ามีคอนโดฯ ที่สะสมอยู่ในตลาดตั้งแต่ปี 2551 ถึงครึ่งปีแรกของปี 2561 อยู่ที่ประมาณ 6,112 ยูนิต โดยในปี 2554 พบว่าเป็นปีที่มีคอนโดฯ เปิดตัวใหม่เข้าสู่ตลาดสูงสุดถึง 1,268 ยูนิต เติบโตกว่า 365% เมื่อเทียบกับปี 2551 อย่างไรก็ดี ปริมาณคอนโดฯ เปิดใหม่ในย่านดังกล่าวระหว่างปี 2555-2557 ได้ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับคงตัวเฉลี่ย 330 ยูนิตต่อปี และลดลงต่ำสุดเหลือเพียง 88 ยูนิต ในปี 2558 ทั้งนี้ ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2559-2560 โดยมีคอนโดฯ เปิดใหม่เข้าสู่ตลาดเฉลี่ย 914 ยูนิตต่อปี

ขณะที่น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังเตรียมเปิดขายโครงการร่วมทุนกับฮันคิว ญี่ปุ่นอีก 3 โครงการ โดยทำเลบางนา จะเป็นโครงการร่วมทุนแห่งที่ 4 มูลค่า 2-3 พันล้านบาท รวมถึงยังมีโครงการที่บริษัทพัฒนาเองอีก 6-7 โครงการ ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.03 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ทำยอดขายได้แล้วกว่า 5 พันล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน