นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงอุบัติเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศช่วงครึ่งแรกของปี 2561 (ม.ค.-มิ.ย.) ว่า มีจำนวน 8,839 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,449 คน ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 8,141 คน จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุ 13,271 คัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรมทางหลวงเสียหายประมาณ 148 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติอุบัติเหตุประจำงวดครึ่งปี 2560 กับ 2561 พบว่า ภาพรวมจำนวนอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 6% ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 7% บาดเจ็บลดลง 16% จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 6%

สาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด 71% (6,274 ครั้ง) รองลงมา ได้แก่ การตัดหน้าระยะกระชั้นชิด 10% (874 ครั้ง) หลับใน 7% (643 ครั้ง) และอุปกรณ์รถบกพร่อง 4% (353 ครั้ง)

สำหรับอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางตรง 65% (5,761 ครั้ง) รองลงมา คือ ทางโค้งปกติ 13% (1,165 ครั้ง) และทางแยกระดับเดียวกัน 7% (619 ครั้ง) ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ ได้แก่ รถปิกอัพบรรทุก 4 ล้อ 32% (4,213 คัน) รถยนต์นั่ง 26% (3,428 คัน) และรถจักรยานยนต์ 18% (2,452 คัน) ซึ่งหากจำแนกตามภาคของ การเกิดอุบัติเหตุพบว่าเส้นทางในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 23% รองลงมาได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 22% และภาคใต้ 15% หากจำแนกตามรายจังหวัดพบว่า จ.นครราชสีมา เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 536 ครั้ง กรุงเทพฯ 437 ครั้ง และ จ.ตาก 313 ครั้ง ตามลำดับ

ทั้งนี้ กรมทางหลวงมีมาตรการแก้ไขที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องร่วมกับตำรวจทางหลวงในการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจจับความเร็วยานพาหนะที่วิ่งบนทางหลวง ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการลดและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลต่างๆ อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนน “ขับช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด” ขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร เพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้ใช้รถใช้ถนนในการเดินทาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน