นายเชาว์เลิศ ลีลาศวัฒนกุล กรรมการบริหารและผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ลัคกี้ เฟลม จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เตาแก๊ส และเครื่องดูดควันแบรนด์ ลัคกี้ เฟรม มา 43 ปี มีการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดูดควัน เตาอบแก๊ส หม้อหุงข้าวแก๊ส ปืนจุดแก๊ส หรือเครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า แบรนด์รินไน และยังรวมไปถึงการแตกไลน์ผลิตอุปกรณ์ครัวแบบ Built-in

ในปีนี้บริษัทเตรียมกลับมารุกตลาดเตาแก๊สลัคกี้ เฟรม ครั้งแรกในรอบ 20 ปี ผ่านงบลงทุน 30 ล้านบาท ทั้งขยายโชว์รูมและเป็นศูนย์บริการลูกค้าในที่เดียวกัน รวม 2 แห่ง งบลงทุน 6 ล้านบาท ประกอบด้วยฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ขนาด 122 ตร.ม. และ จ.อุดรธานี ซึ่งถือเป็นหน้าด่านสู่ประเทศลาว อีกทั้งยังถือเป็นการขยายโชว์รูมครั้งแรกในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่มีแห่งแรกและแห่งเดียวที่เซ็นทรัล บางนา โดยเป้าหมายภายในปี 2565 จะขยายโชว์รูมให้ครบ 9 แห่ง ซึ่งกรุงเทพฯ 3-4 แห่ง ที่เหลือเป็นหัวเมืองต่างจังหวัด

ส่วนงบประมาณอีกกว่า 20 ล้านบาท บริษัทจะใช้ในกิจกรรมการตลาดทั้งบีโลว์เดอะไลน์ ผ่านการโฆษณาทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ ด้วยการใช้ภาพยนตร์ชุดที่เคยทำเมื่อ 2 ปีที่แล้วมาใช้เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ของเตาแก๊สลักกี้เฟรมที่ปัจจุบันไม่เพียงแต่มีผลิตภัณฑ์เตาแก๊สเท่านั้นยังมีเตาไฟฟ้า และอุปกรณ์ครัวแบบบิวต์อินด้วย และการออกแบบเพิ่มความทันสมัยมากขึ้น ทำให้ขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอายุ 30+- มากขึ้น ซึ่งจากเดิมผู้บริโภคจะมองเตาแก๊สลักกี้เฟรมเป็นป้า

นอกจากนี้ จะมีการทำกิจกรรมการตลาดบีโลว์เดอะไลน์ โดยจะเน้นให้ร้านค้าซึ่งปัจจุบันมีกว่า 1,000 รายทั่วประเทศ ขายแบบเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะเน้นการสื่อสารไปที่การเป็นแบรนด์เดียวที่รับประกันแก๊สวาล์ว 5 ปี และมอเตอร์เครื่องดูดควัน 10 ปี รวมถึงยังเป็นเตาแก๊สแบรนด์ไทยแบรนด์เดียวที่ขายในช่องทางโฮมโปร ไทวัสดุ เทสโก้โลตัส บิ๊กซี โฮมเวิร์ค บุญถาวร และโกบอลเฮ้าส์ ซึ่งที่เหลือจะเป็นแบรนด์นำเข้าจากจีน ใช้ราคาในการแข่งขัน ขณะที่แบรนด์ยุโรป ราคาค่อนข้างแพง

อย่างไรก็ดี เนื่องจากเตาแก๊สมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไป ประกอบกับเชื่อว่าขณะนี้เกือบทุกครัวเรือนหรือเกือบ 100% มีเตาแก๊สสำหรับประกอบอาหารแล้ว และเพื่อกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค โดยบริษัทจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดมากขึ้น เช่นล่าสุดอยู่ระหว่างพัฒนาเตาแก๊สที่มีหลากหลายฟังก์ชั่นในตัวเดียวกันมากขึ้น เพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ รวมถึงจะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม กัมพูชา เมียนมา และลาว มากขึ้น เพื่อให้ได้เป้าหมายยอดขายโดยรวมทั้งบริษัท ในปี 2561 ที่ 800 ล้านบาท เติบโตจาก 740 ล้านบาท ในปีที่แล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน