นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า จากรายงานข้อมูลอุบัติเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศประจำเดือนส.ค. 2561 จากการรายงานอุบัติเหตุทางระบบ HAIMS พบว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นบนทางหลวงในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง มี 796 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 123 คน ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 757 คน จำนวน และมีรถที่เกิดอุบัติเหตุ 1,088 คัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรมทางหลวงเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบสถิติอุบัติเหตุประจำเดือนส.ค. 2560 จำนวนอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 4% ผู้เสียชีวิตลดลง 10% บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 11% จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 3%

ซึ่งสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด 69% หรือ 467 ครั้ง รองลงมาได้แก่ การตัดหน้าระยะกระชั้นชิด 7% หรือ 52 ครั้ง หลับใน 6% หรือ 44 ครั้ง และอุปกรณ์รถบกพร่อง 4%หรือ 31 ครั้ง

สำหรับอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดที่บริเวณทางตรงเป็นหลักกว่า 55% หรือ 435 ครั้ง, ทางโค้งปกติ 21% หรือ 169 ครั้ง และทางแยก 8% หรือ 62 ครั้ง ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดจากยานพาหนะ ส่วนใหญ่เกิดจาก รถปิคอัพบรรทุก 4 ล้อ 34% รถยนต์นั่ง 24% และรถบรรทุกมากกว่า 10 ล้อ (รถพ่วง) 11%

นายธานินทร์ กล่าวต่อว่า ซึ่งหากจำแนกตามภาคของการเกิดอุบัติเหตุพบว่าเส้นทางในภาคเหนือเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 26% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 24% และภาคใต้ 18% นอกจากนี้ ทางหลวงที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ทางหลวงหมายเลข 304 วังน้ำเขียว-ดอนขวาง จำนวน 14 ครั้ง หากจำแนกตามรายจังหวัดพบว่าจ.นครราชสีมา เกิดอุบัติเหตุสูงสุด รองลงมาได้แก่ จ.ตาก จ.สงขลา ตามลำดับ

ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้มีมาตรการแก้ไขที่ได้ดำเนินการร่วมกับตำรวจทางหลวงในการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจจับความเร็วยานพาหนะที่วิ่งบนทางหลวง ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการลดและป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูฝนอาจทำให้ถนนลื่นและบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้ทางโปรดขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้ร่วมทาง รวมถึงป้องกันและลดอุบัติเหตุให้ได้ประสิทธิผลและขอความร่วมมือปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม “ขับรถช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน