นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยหลังการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ระหว่างเครือข่ายสหกรณ์ประมงและโคเนื้อ และภาคเอกชนผลิตสินค้าเกรดพรีเมี่ยมเพื่อส่งออก ว่า การร่วมมือพัฒนาสินค้าประมง และปศุสัตว์ เพื่อการส่งออก จะดำเนินการภายใต้แบรนด์ Fish Coop และ E-coop Beef เชื่อว่าภายในปี 2562 จะมีการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านแบรนด์กลางเพิ่มขึ้นประมาณ 67%

โดย สินค้าประมง เช่น ปลานิล ปลกระพง กุ้งก้ามกราม เป็นสินค้าที่มีการส่งออกที่สำคัญมีมูลค่าการส่งออกไม่น้อยกว่าปีละ 50,000 ล้านบาท ส่วน โคเนื้อเป็นอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ่ในประเทศ แต่ละปีมีการส่งออกโคเนื้อประมาณ 150,000 ตัว มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 60,000-70,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สหกรณ์ประมงที่ดำเนินธุรกิจขณะนี้มีจำนวน 69 แห่ง สมาชิก 17,989 ราย มีสหกรณ์ที่สามารถส่งออกสินค้าประมงไปต่างประเทศ 3 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้ง น้ำท่าทอง จำกัด จังหวัดสุราษฎร์ธานี, สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งตราดยั่งยืน จำกัด จังหวัดตราด, สหกรณ์นิคมบ้านสร้างพัฒนา จำกัด จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งได้ส่งออกกุ้งขาวแวนาไม กุ้งกุลาดำ ปลาคังและปลานิลไปยังประเทศจีน มาเลเซีย และตะวันออกกลาง ส่วนสินค้าปศุสัตว์

ส่วนสหกรณ์ที่ทำธุรกิจส่งออกโคเนื้อ ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด จังหวัดมุกดาหาร ตลาดหลักคือ จีน และเวียดนาม และในปี ที่ผ่านมาได้มีทดลองตลาดโดยการส่งเนื้อแช่แข็งไปที่ร้านอาหารในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจำนวน 3.6 ตัน มูลค่า 1.1 ล้านบาท

“สินค้าประมง และปศุสัตว์ของไทยได้รับการยอมรับทั้งจากผู้บริโภคภายในและต่างประเทศ เดิมมีการส่งออกไปยัง จีน ลาว และเวียดนาม เมื่อมีการร่วมมือกันดำเนินการภายใต้แบรนด์กลาง Fish Coop และ E-coop Beef สหกรณ์พันธมิตรจะมีการพัฒนาสินค้า เพื่อให้สินค้าที่ดินแบรนด์กลาง สามารถส่งออกเพิ่มขึ้นและขยายวงกว้างไปยังประเทศในกลุ่มซีแอลเอ็มวี หรือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งกลุ่มนี้ให้ความเชื่อถือในคุณภาพสินค้าไทยอยู่แล้ว ตั้งเป้าโตเพิ่มขึ้นกว่า 67% ในปี 2562”

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทผู้ส่งออกและสมาคมส่งเสริมการผลิตและส่งออกสินค้ากสิกรรม แขวงสะหวัดเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ยังช่วยสนับสนุนความรู้และเทคโนโลยีการจัดการผลผลิต การแปรรูป ข้อมูลทางการตลาด และส่งเสริมช่องทางการจำหน่าย ซึ่งเป็นความร่วมมือตามกลไกประชารัฐที่จะช่วยเสริมสร้างธุรกิจการส่งออกสินค้าของสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง

ด้านนายประวิทย์ นามเหลา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด กล่าวว่า สหกรณ์การเกษตรหนองสูงประสบความสำเร็จในการผลิตและจำหน่ายเนื้อโคขุน ซึ่งในแต่ละปีมียอดขายประมาณ 300 ล้านบาท การเข้าร่วมผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์กลาง ถือเป็นอีกช่องทางในการขายสินค้าเพื่อการส่งออก จึงเชื่อว่าปี 2562 สินค้าแบรนด์กลาง ที่มีกรมปศุสัตว์ช่วยเป็นพี่เลี้ยงและควบคุมคุณภาพ ให้ได้มาตรฐานการส่งออก น่าจะสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศไทยประมาณ 100 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน