สหกรณ์ เปิดจุดรับซื้อข้าวแล้ว 434 แห่ง ใน 56 จังหวัด คาดได้ข้าวเปลือกอย่างน้อย 3.9 ล้านตัน ราคาหอมมะลิพุ่ง แตะ 18,000 บาทต่อตัน เพิ่มสูงกว่าปีที่ผ่านมา 6,000 บาท

ข้าวหอมมะลิพุ่งแตะ 18,000 บาท – นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกของสหกรณ์การเกษตรที่ทยอยเปิดรับซื้อข้าวจากสมาชิกในหลายจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 2561 ได้แก่ ปทุมธานี ชัยนาท อุดรธานี นครพนม สกลนคร นครราชสีมา เชียงราย แพร่ นครสวรรค์ เพชรบุรีและนครศรีธรรมราช รวบรวมผลผลิตไปแล้วปริมาณ 21,607 ตันข้าวเปลือก มูลค่า 159.13 ล้านบาท คาดว่าในฤดูกาลผลิตปี 2561/62 จะมีสหกรณ์ 434 แห่งในพื้นที่ 56 จังหวัด รวบรวมข้าวเปลือกในปริมาณไม่น้อยกว่า 3.9 ล้านตัน

ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญ มีสหกรณ์ 226 แห่งที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมข้าวและได้ทยอยเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกแล้ว 25 แห่ง เช่น สหกรณ์การเกษตรชุมพลบุรี สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้าธกส.สุรินทร์ จำกัด จังหวัดสุรินทร์ สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด จังหวัดนครราชสีมา และสหกรณ์การเกษตรตระการพืชผล จำกัด จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนสหกรณ์การเกษตรเกษตรวิสัย จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด

“20 ต.ค.นี้ จะเริ่มเปิดจุดรับซื้อข้าวหอมมะลิ จากการตรวจสอบราคารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิของสหกรณ์ ความชื้น 25% เฉลี่ยตันละ 12,000-12,500 บาท ส่วนความชื้น 15% ตันละ 15,000-18,000 บาท และเมื่อเทียบราคารับซื้อกับโรงสีเอกชนในพื้นที่ ถือว่าสหกรณ์รับซื้อในราคานำตลาด และเป็นราคาที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ตันละ 2,000-6,000 บาท โดยราคารับซื้อขึ้นอยู่กับคุณภาพและความชื้นของข้าวที่เกษตรกรรวบรวมและนำมาขายให้สหกรณ์”

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนสหกรณ์ในภาคเหนือ จะเน้นรับซื้อข้าวเปลือกเหนียว ขณะนี้มีสหกรณ์การเกษตรเมืองเชียงราย จำกัด จังหวัดเชียงราย และสหกรณ์การเกษตรหนองม่วงไข่ จำกัด จังหวัดแพร่ ได้เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวความชื้น 25% ที่ราคาตันละ 7,300-7,700 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เฉลี่ยตันละ 900-1,400 บาท ส่วนในภาคกลาง รับซื้อข้าวเปลือกขาว เช่น สหกรณ์การเกษตรคลองหลวง จำกัด จังหวัดปทุมธานี รับซื้อข้าวเปลือกความชื้น 25% ตันละ 6,700 บาท ส่วนข้าวเปลือกความชื้น 15% ตันละ 7,700 บาท ซึ่งเทียบกับปีที่ผ่านมา ราคารับซื้อข้าวเปลือกขาวเพิ่มสูงขึ้นตันละ 300 บาท ซึ่งราคาข้าวเปลือกที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากพื้นที่ทำนาในหลายจังหวัดได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ที่ผ่านมา

“ราคารับซื้อข้าวเปลือกขึ้นอยู่กับคุณภาพและข้าวชื้นของข้าว อยากให้สมาชิกสหกรณ์รักษาคุณภาพของข้าวเปลือกและรวบรวมนำมาจำหน่ายให้กับสหกรณ์ที่ตนเองสังกัด ซึ่งจะได้ราคาที่ยุติธรรม และเมื่อสหกรณ์มีผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปข้าว สหกรณ์ได้จัดสรรกำไรดังกล่าวมาปันผลเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิก”

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว โดยอนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2561/62 ผ่าน ธ.ก.ส. โดยจัดสรรวงเงินสินเชื่อไว้ 12,500 ล้านบาท ให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและศุนย์ข้าวชุมชน กู้ยืมเป็นทุนหมุนเวียนในการรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อจำหน่ายหรือแปรรูปเป็นข้าวสาร คิดดอกเบี้ย1%ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยแทนสถาบันเกษตรกร 3% ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 ต.ค. 2561 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้ชำระหนี้ไม่เกิน 31 ธ.ค. 2562 ขณะนี้มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้ว 399 แห่ง วงเงินที่ขออนุมัติสินเชื่อ จำนวน 16,890 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน