นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขายช่องทางออนไลน์มากขึ้น หลังจากได้ทำตลาดผ่านออนไลน์มาต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยได้ใช้งบลงทุนไปมากกว่า 1,000 ล้านบาทในการเข้าถึงลูกค้า ส่งผลให้เป็นบริษัทประกันอันดับ 1 ที่มีฐานโซเชียลมีเดียทั้งเป็นผู้ติดตาม และแฟนเพจมากที่สุด อย่าง ไลน์มีถึง 3.7 ล้านคน และเฟสบุ๊ค 4 แสนคน ซึ่งทั้งสองโซเชียลมีเดียดังกล่าวถือเป็นโซเชียลมีเดียที่คนไทยเข้าถึงมากที่สุด เป็น เฟสบุ๊ค 32% และ29% ดังนั้นขณะนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะรุกขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น เพื่อให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และเป็นไปตามแนวโน้มของตลาดทั่วโลก
พร้อมกันนี้บริษัทจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ “เอ็มทีแอล ดิจิตอล เวย์” (MTL Digital Way) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนำสมัย ตอบสนองทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิตอล โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเจนเนอเรชั่นวาย ที่ชีวิตประจำวันอยู่กับเทคโนโลยี และปัจจุบันในไทยกลุ่มเจนเนอเรชั่นวายเป็นกลุ่มใหญ่มีสัดส่วนอยู่ที่. 27.4% ของประชากรไทย โดยยุทธศาสตร์ดิจิตอล เวย์ จะเป็นในตลอดทุกกระบวนการทำงานตั้งแต่ขั้นตอนก่อนเสนอขาย ระหว่างเสนอขาย และบริการหลังการขาย ซึ่งเทคโนโลยีและระบบดิจิตอลต่างๆ จะถูกนำเข้ามาผสมผสานในการดำเนินธุรกิจ
“ช่องทางการขายผ่านระบบออนไลน์ จะตอบโจทย์ผู้บริโภคอีกกลุ่มเจนเนอเรชั่นวายที่นิยมค้นหาข้อมูลต่างๆ ด้วยตนเอง เปรียบเทียบข้อมูล และเลือกซื้อผ่านระบบออนไลน์ ก็สามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทภายใน 4 ขั้นตอน คือ ลงทะเบียน เลือกแบบประกันที่ต้องการ กรอกข้อมูล ใบสมัครทำประกันชีวิต และชำระเงินซึ่งเลือกได้ว่าจะชำระผ่านบัตรเครดิต หรือ Line Pay โดยบริษัทได้ออกแบบทุกขั้นตอนให้ง่าย ความคุ้มครองไม่ซับซ้อน รวมถึงมีช่องทางรองรับเมื่อลูกค้าต้องการคำแนะนำ โดยมีกรมธรรม์หลากหลาย ทั้งผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล ทุนประกันสูงสุด 1 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ ทุนสูงสุด 4 แสนบาท อีกทั้งกรมธรรม์แบบเกษียณอายุ”
นายสาระ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันแม้ว่าช่องทางออนไลน์จะยังมีสัดส่วนน้อยมาก แต่เชื่อว่าจะเติบโตได้ในอนาคต เพราะตอนนี้มีลูกค้าซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้นต่อเนื่อง โดยช่องทางการหลักในปัจจุบันยังเป็นการขายผ่านธนาคาร 60% และผ่านตัวแทนขาย 20% ขณะเดียวกันบริษัทยังมองว่าการยกระดับการดำเนินธุรกิจในทิศทางที่เป็นดิจิตอลเวย์จะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจและอุตสาหกรรมประกันชีวิตของไทย ทั้งมีความมั่นคงแข็งแกร่งในระยะยาว รวมถึงส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอลของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย