โครงการให้สินเชื่อเอสเอ็มอีอืด ครม.ไฟเขียวขยายเวลาอีก 1 ปี ดึงธุรกิจค้าส่งค้าปลีก-โชห่วยร่วมกู้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ขยายระยะเวลาและกำหนดรายละเอียดการดำเนินงานมาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 (มาตรการด้านการเงิน) 2 โครงการ คือ โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท
และโครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง หรือสิน เชื่อเพื่อเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ 2 วงเงินสินเชื่อ 2 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% จากเดิมจะสิ้นสุดระยะดำเนินโครงการ 18 ธ.ค.2561 แต่ เหลือวงเงินประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาทและยังมีผู้ประกอบการสนใจร่วมโครงการ
ดังนั้น โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน จะขอขยายระยะเวลาดำเนินโครงการให้สิ้นสุดรับคำสินเชื่อภายในวันที่ 18 ธ.ค.2562 หรือ จนกว่าจะหมดวงเงินสินเชื่อร่วมโครงการ แล้วแต่ระยะเวลาใดจะมาถึงก่อน และเพิ่มกลุ่มธุรกิจค้าส่งค้าปลีก หรือโชห่วย เป็นกลุ่มเป้าหมายเพิ่ม เติมรวมทั้งเสนอให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ย เอ็มแอลอาร์ ลบ 1.875% หรือประมาณ 5% ในช่วง 1-3 ปีแรก โดยให้คิดอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่าง กันกรณีผู้กู้เป็นบุคคลธรรมดาและผู้กู้เป็นนิติบุคคลตามอัตราดอกเบี้ยที่ ธพว.กำหนด
ส่วนโครงการ Transformation Loan เสริมแกร่ง หรือ สินเชื่อเพื่อเปลี่ยนเครื่องจักร ระยะที่ 2 ขอขยายเวลารับคำขอกู้เพิ่มอีกเป็นระยะเวลา 12 เดือนนับตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติเห็นชอบ จนกว่าจะหมดวงเงินสินเชื่อรวมในโครงการแล้วแต่ระยะเวลาใดจะมาถึงก่อนและระยะเวลาให้ ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในหกเดือน นับตั้งแต่วันสิ้นสุดวันรับคำขอกู้
อาทิ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 2 โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเพื่อนทุนหมุน เวียนให้กับผู้ประกอบการระยะที่สองและสามโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสำหรับผู้ ประกอบการเอสเอ็มอีโดยขยายวงเงินสินเชื่อต่อไร่จากเดิม 15 ล้านบาทเป็น 50 ล้านบาท โดยขอขยายวงเงินกู้สูงสุดต่อราย รวมสินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำทุกโครงการสูงไม่เกินรายละ 50 ล้านบาท
ผลกระทบจากการขยายระยะเวลา จะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 70,000 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้สามารถเข้าถึง แหล่งเงินทุนได้ประมาณ 17,600 รายจ้างงานไม่น้อยกว่า 101,000 คน เงินทุนหมุนเวียนให้กับระบบ 320,600 ล้านบาท
