ปตท.สผ. ขยายธุรกิจในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ครั้งแรก ได้รับสัมปทาน 2 แปลงร่วมกับอีเอ็นไอ ในแปลงออฟชอร์ 1 และออฟชอร์ 2 ซึ่งเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีศักยภาพสูงแห่งหนึ่งของโลก

ปตท.สผ.คว้าสัมปทานในยูเออี – นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. (PTTEP) กล่าวว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เปิดโอกาสให้ ปตท.สผ. ได้รับสัมปทานในแปลงออฟชอร์ 1 และออฟชอร์ 2 ซึ่งเป็นแหล่งผลิตปิโตรเลียมที่มีศักยภาพสูงแห่งหนึ่งของโลกและเป็นการลงทุนครั้งแรกของบริษัทในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยปตท.สผ. ในนามบริษัท พีทีทีอีพี มีนา จำกัด ได้ร่วมทุนกับบริษัท อีเอ็นไอ อาบูดาบี บริษัทในเครือของอีเอ็นไอ ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศอิตาลี เป็นบริษัทน้ำมันชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกทั้งแอดนอคและอีเอ็นไอ เชื่อว่ากลุ่มผู้ร่วมทุนจะใช้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาแปลงสำรวจก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวให้กับทุกฝ่าย

นายสุลต่าน อาห์เหม็ด อัล จาเบอร์ รัฐมนตรีของยูเออี และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอดนอค กรุ๊ป กล่าวว่า การอนุมัติสัมปทานครั้งแรกครั้งนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมของอาบูดาบี ตามยุทธศาสตร์การลงทุนปี 2573 ของแอดนอค รวมถึงเป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการจะเป็นพันธมิตรกับบริษัทน้ำมันและก๊าซที่มีทั้งศักยภาพทั้งทางเทคโนโลยีและเงินทุนที่จะมาช่วยพัฒนาทรัพยากรปิโตรเลียมของประเทศ

นายเคลาดิโอ เดสคัลซี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อีเอ็นไอ กล่าวว่า กลุ่มผู้ร่วมทุนจะใช้ความเชี่ยวชาญและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อสำรวจทรัพยากรปิโตรเลียมนอกชายฝั่งของอาบูดาบีในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม พีทีทีอีพี มีนา และอีเอ็นไอ อาบูดาบี จะถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 30 และ 70 ตามลำดับ โดยมีระยะเวลาการสำรวจไม่เกิน 9 ปี ซึ่งทั้ง 2 แปลงมีอายุสัมปทาน 35 ปี ยูเออีเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก โดยร้อยละ 96 ของปริมาณสำรองปิโตรเลียมอยู่ในพื้นที่ของกรุงอาบูดาบี และยังเป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรปิโตรเลียมขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ซึ่งยังรอการสำรวจและพัฒนา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน