ธอส.เคาะเงินกู้บ้านล้านหลังแล้ว 320 ล้านบาท คาดปีนี้แตะ 4 หมื่นล้านจากกรอบ 5 หมื่นล้าน โชว์ผลประกอบการปล่อยสินเชื่อใหม่พุ่ง 2.1 แสนล้านบาท กำไรโต 1.26 หมื่นล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2561 ว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทั้งสิ้น 213,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.30% คิดเป็น 173,958 บัญชี สูงกว่าเป้าหมาย 24,243 ล้านบาท เป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวนถึง 105,081 ราย
ส่งผลให้ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,115,893 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.03% สินทรัพย์รวม 1,163,882 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.55% เงินฝากรวม 943,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.94% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 46,495 ล้านบาท คิดเป็น 4.17% ของยอดสินเชื่อรวม และมีกำไรสุทธิ 12,611 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ 12,137 ล้านบาท

“ปี 2561 ถือเป็นครั้งแรกที่ ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึงระดับ 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ จากการหารือในสภาธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ มีความเห็นร่วมกันว่า จะช่วยตรึงดอกเบี้ยดูแลลูกค้าต่อไป และคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ โดยในส่วน ธอส. หากมี กนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ก็จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.125%”

สำหรับปี 2562 ธอส. ตั้งเป้าหมายสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ 203,262 ล้านบาท สินเชื่อคงค้างที่ 1,181,038 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,210,984 ล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงเหลือ 4.02% ของยอดสินเชื่อรวม ขณะเดียวกัน ในปี 2562 จะเร่งแก้ปัญหาแมชชิ่งฟันด์ เพื่อลดต้นทุนระดมเงินทุนของธนาคาร จากปัจจุบันที่ 2.09% ให้เหลือ 1.9% เพื่อให้สามารถตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ช่วยเหลือลูกค้าได้ รวมทั้งเดินหน้านโยบาย ดิจิทัล เซอร์วิส ในไตรมาส 2 ให้ แอพลิเคชั่นของธนาคารสามารถให้บริการลูกค้าได้เต็มรูปแบบ เช่นการขอประนอมหนี้ การยื่นเอกสารกู้บ้าน สามารถทำผ่านแอพลิเคชั่นได้เลย

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ในส่วนของการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลังให้ครบทั้งกรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท คาดว่าในปี 2562 จะอนุมัติวงเงินกู้ได้ 80% หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 320 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 500 บัญชี จากจำนวนสินเชื่อที่เข้ามาในระบบแล้ว 600 ล้านบาท คิดเป็น 1,000 บัญชี

ซึ่งขณะนี้กลุ่มลูกค้าที่เข้ายื่นขอสิทธิกว่า 1.2 แสนราย สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีศักยภาพ และ กลุ่มที่มีศักยภาพแต่ขาดเอกสาร ก็จะเร่งสินเชื่อให้ผ่านภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนกลุ่มที่ไม่มีศักยภาพ ธนาคารก็จะพิจารณาช่วยเหลือเต็มที่ที่สุดเพื่อให้สามารถกู้ได้ถ้ามีความพร้อม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน