นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือจีพีเอสซี (GPSC) แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2562 คณะกรรมการจีพีเอสซี มีมติเห็นชอบแผนการลงทุนในหน่วยผลิตไฟฟ้า (Energy Recovery Unit : ERU) ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้า 250 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 175 ตันต่อชั่วโมง ให้กับโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ของ บมจ.ไทยออยล์ มูลค่าลงทุน 757 ล้านเหรียญเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ โครงการพลังงานสะอาดของไทยออยล์ มีเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเป็นระดับ 4 แสนบาร์เรล/วัน และในโครงการลงทุนในหน่วยผลิตไฟฟ้าเป็นหน่วยผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ซึ่งจะใช้กากน้ำมันที่เป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ของโครงการพลังงานสะอาดเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต ช่วยลดภาระการลงทุน

“ไทยออยล์ได้จัดหาผู้ลงทุนแทนการลงทุนจัดสร้างเองทั้งหมด ซึ่งจีพีเอสซีได้รับความไว้วางใจในการพัฒนาโครงการลงทุนหน่วยผลิตไฟฟ้ามาตั้งแต่โครงการพลังงานสะอาดยังอยู่ระหว่างศึกษาออกแบบ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจสาธารณูปโภค โดยโครงการลงทุนในหน่วยผลิตไฟฟ้าครั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสการสร้างการเติบโตในธุรกิจจากเชื้อเพลิงในรูปแบบที่แตกต่างออกไป” นายชวลิตกล่าว

สำหรับการพัฒนาหน่วยผลิตไฟฟ้าดังกล่าว จีพีเอสซีจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่จีพีเอสซีถือหุ้น 100% ส่วนพื้นที่ตั้งโครงการลงทุนหน่วยผลิตไฟฟ้า จะเป็นสัญญาเช่าช่วงจากไทยออยล์และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างหลังมีการลงนามในสัญญา โดยก่อสร้างจะใช้ระยะเวลาทั้งสิ้นประมาณ 58 เดือน คาดจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 3/2566

นายชวลิต กล่าวว่า แผนการลงทุนครั้งนี้จะทำให้จีพีเอสซีมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 1,955 เมกะวัตต์ ไอน้ำรวมประมาณ 1,585 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งในปี 2562 จีพีเอสซีมีแผนเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (ซีโอดี) ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำลิก 1 (NL1PC) ขนาดกำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้า ไซยะบุรี (XPCL) กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ รวมทั้งโรงผลิตสาธารณูปการระยองแห่งที่ 4 กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง และโรงผลิตสาธารณูปโภค 3 (CUP-3) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) โรงไฟฟ้าประเภทพลังงานระบบโคเจนเนอเรชั่น ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับให้แล้วเสร็จในปีนี้ สำหรับปี 2563 มีโครงการส่วนต่อขยายของโรงไฟฟ้า นวนคร (NNEG) กำลังผลิต 60 เมกะวัตต์ ไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง ที่จะพร้อมเริ่มจ่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้กับลูกค้าได้ ซึ่งขณะนี้ทุกโครงการมีความคืบหน้าในการพัฒนา และมั่นใจว่าสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน