มูลค่าการค้าชายแดน/ผ่านแดนเฉียดเป้า เหตุสงครามการค้า ค่าเงิน และการย้ายฐานการผลิตในภูมิภาค ปี 62 ตั้งเป้าท้าทาย 1.6 ล้านล้านบาท โหมจัดกิจกรรมหวังดันถึงเป้า

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กล่าวว่ามูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ปี 2561 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,392,629 ล้านบาท ขยายตัว 5.58% โดยเป็นการส่งออก 778,292 ล้านบาท ลดลง 0.76% และการนำเข้า 614,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.87% เกินดุลการค้า 163,954 ล้านบาท

ทั้งนี้ การค้าชายแดนแยกเป็นรายประเทศ พบว่า มาเลเซียยังครองความเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย มูลค่า 571,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.29% เป็นการส่งออก 293,808 ล้านบาท ลดลง 5.97% นำเข้า 278,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.29% ตามมาด้วย สปป.ลาว มูลค่า 213,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.17% เป็นการส่งออก 128,867 ล้านบาท ลดลง 1.83% นำเข้า 84,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.83%
เมียนมา มูลค่า 193,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.88% เป็นการส่งออก 105,212 ล้านบาท ลดลง 3.45% นำเข้ามูลค่า 88,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.92% และกัมพูชา มูลค่า 145,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.39% เป็นการส่งออก 123,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.93% นำเข้า 22,778 ล้านบาท ลดลง 3.24%

ส่วนการค้าผ่านแดน จีนตอนใต้เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย มูลค่า 103,451 ล้านบาท รองลงมา คือ สิงคโปร์ มูลค่า 86,195 ล้านบาท และเวียดนาม มูลค่า 78,310 ล้านบาท

“แม้การค้าชายแดน/ผ่านแดนปี 2561 ไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 1.5 ล้านล้านบาท แต่ได้มา 1.4 ล้านล้านบาท ก็ถือว่าน่าพอใจ เพราะปีที่ผ่านมา มีปัจจัยลบทั้งสงครามการค้า อัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่มีเสถียรภาพในภูมิภาค เช่น เงินจ๊าดของเมียนมาที่อ่อนตัวลงทำให้ผู้ซื้อจากเมียนมาต้องจ่ายแพงขึ้น มาเลเซียได้รับกระทบจากราคายางที่ตกต่ำ ไทยส่งสินค้าโดยเฉพาะสินค้าประเภทผลไม้ไปเวียดนาม ได้น้อยลง และการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการไทยเข้าไปไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านทำให้การส่งออกสินค้าจากประเทศไทยลดลง”นายอดุลย์ กล่าว

นายอดุลย์กล่าวว่า การค้าชายแดนและผ่านแดนปี 2562 กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่มูลค่า 1.6 ล้านล้านบาท ขยายตัว 15% ยอมรับว่าเป็นเป้าที่สูงแต่อยากให้มีความท้าทาย ซึ่งดูจากปัจจัยต่างๆแล้วเชื่อว่าน่าจะทำได้หรือใกล้เคียงเหมือนปี 2561 ที่ทำได้ใกล้เป้าหมายเป็นที่น่าพอใจ โดยกรมฯ ได้เตรียมแผนงานผนึกกำลังภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมส่งเสริมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแนวชายแดนและตามเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น สอดรับที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนปี 2562

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตามในปี 2562 ได้แก่ สงครามการค้าที่ยังไม่มีข้อยุติ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ความไม่มีเสถียรภาพของค่าเงินของแต่ละประเทศ ตลอดจนปัญหาอุปสรรค อื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

ส่วนกิจกรรมที่จะดำเนินการ เช่น โครงการ YEN-D (Young Entrepreneur Network Development Program) ซึ่งในปี 2562 จะขยายไปสู่อาเซียนอื่นนอกเหนือจาก CLMV ในชื่อโครงการ YEN-D PLUS ขยายไปยังประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย ซึ่งไตรมาสแรกของปี 2562 จะเริ่มจากประเทศไทย-ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนมี.ค. 2562 และจะจัดโครงการ YEN-D Frontier โดยเน้นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยในจังหวัดชายแดนกับผู้ประกอบการใน CLMV มีกำหนดจัดกิจกรรมที่จังหวัดตาก จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดนครพนม

ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น งานมหกรรมการค้าชายแดน 4 ภูมิภาค เริ่มจากอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ต่อด้วยอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งจะจัดอบรมสัมมนาผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดนและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 10 จังหวัด และอื่นๆ เช่น การให้บริการ e-DFT เพื่ออำนวยสะดวก ลดขั้นตอน/เอกสารให้สะดวกต่อการค้าขายมากยิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน