น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2562 ตั้งเป้ารายได้และส่วนแบ่งกำไรเติบโตกว่า 70% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 11,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมแผนธุรกิจ 5 ปี (2562-2566) ภายใต้งบลงทุน 45,000 ล้านบาท โดยจะทยอยลงทุนตั้งแต่ปีนี้ประมาณ 9,000-10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม, ธุรกิจบริการสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม พร้อมกับวางเป้าหมายรายได้เติบโตหลังจากปีนี้เป็นต้นไปเฉลี่ยที่ปีละ 15% และตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ที่ 30,000 ล้านบาท หรือมีส่วนต่างกำไร (EBITDA Margin) กว่า 50%

โดยปัจจุบันบริษัทมี 4 กลุ่มธุรกิจหลัก กลุ่มโลจิสติกส์ ซึ่งดำเนินธุรกิจ 4 กลุ่มหลัก โลจิสติกส์ ซึ่งปีนี้มีแผนขยายพื้นที่อาคารคลังสินค้าระดับพรีเมี่ยมอีก 2 แสนตร.ม. เป็น 2.5 ล้านตร.ม. จากปีก่อนอยู่ที่ 2.3 ล้านตร.ม. โดยจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ การบินและอากาศยาน ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าที่สูงยิ่งขึ้นโดยการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและนวัตกรรมเข้ามาช่วย

นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการดับบลิวเอชเอ อี-คอมเมิร์ซพาร์ค จ.ฉะเชิงเทรา, ดับบลิวเอชเอ-เจดี อี-คอมเมิร์ซเซ็นเตอร์ และโครงการดับบลิวเอชเอ เมกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง 2 ขณะเดียวกันยังมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อขยายการลงทุนไปยังประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ตลอดจนมีแผนจะขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) อีก 5,750 ล้านบาท ผ่านกองรีทของบริษัทมูลค่า 34,300 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันบริษัทมี 11 แห่ง พื้นที่รวมทั้งสิ้น 68,500 ไร่ โดย 10 แห่งตั้งอยู่ในประเทศไทย (ในจำนวนนี้นิคมฯ 9 แห่งได้รับการรับรองให้เป็นพื้นที่เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และอีกหนึ่งแห่งในประเทศเวียดนาม ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขายที่ดิน 1,600 ไร่ เพิ่มจากปีที่แล้วที่ขายได้ 1,000 ไร่ โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นที่ดินในนิคมอุตฯ ประเทศเวียดนามประมาณ 200 ไร่ ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะเปิดตัวนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งในประเทศไทย จากปัจจุบันบริษัทมีนิคมอุตฯ

ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการสาธารณูปโภคและพลังงาน ปีนี้ตั้งเป้าการผลิตและจำหน่ายน้ำที่ 120 ล้านลูกบาศก์เมตร จากปีก่อนทำได้ 105 ล้านลูกบาศก์เมตร จากการขยายบริการด้านการผลิตน้ำออกไปยังนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งในไทยและเวียดนาม รวมถึงบริการเสริมต่างๆ อาทิ การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การผลิตน้ำด้วยระบบรีเวอร์สออสโมสิส และน้ำอุตสาหกรรมปราศจากแร่ธาตุ นอกจากนี้ ยังมีการคิดค้นนวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) มาใช้สำหรับสมาร์ตวอเตอร์โซลูชั่น เฟสแรกที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอตะวันออก (มาบตาพุด) ด้วย ขณะเดียวกันก็มองโอกาสลงทุนในธุรกิจน้ำประปา ในประเทศเวียดนาม ในลักษณะการเข้าไปถือหุ้นในธุรกิจน้ำประปากับทางรัฐบาลเวียดนาม หลังจากที่รัฐบาลเวียดนามได้มีการเปิดให้ภาคเอกชนเข้าไปถือหุ้นร่วมได้ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นภายในครึ่งปีแรกนี้

นอกจากนี้ ในส่วนของกลุ่มธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม ปัจจุบัน บริษัท ดับบลิวเอชเออินโฟนิท จำกัด มีดาต้าเซนเตอร์รวม 4 แห่ง ซึ่งในที่นี้รวมถึงการเข้าร่วมทุนกับทางซุปเปอร์แนปที่เป็นดาต้าเซนเตอร์ระดับเทียร์ 4 แห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมออสเตรเลีย) นอกจากนี้ ยังให้บริการเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติก (FTTx) ใน 5 นิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มคับบลิวเอชเอ โดยดับบลิวเอชเออินโฟนิท มีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าและการบริการให้ครอบคลุมทุกนิคมอุตสาหกรรม โดยตั้งให้บริการไฟเบอร์ออพติก (FTTx) ใน 10 นิคมอุตสาหกรรมภายในสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการเพิ่มการใช้งานเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ ในศูนย์กระจายสินค้านิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ในเครือด้วย

“ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ แต่อาจพลิกเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับเรา อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนทิศทางทางการค้าและการลงทุนมายังประเทศไทย และเวียดนาม สำหรับอุตสาหกรรมบางกลุ่ม เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนจากจีนเข้ามาลงทุน และสนใจในนิคมอุตสาหกรรมของเราจำนวนมาก”น.ส.จรีพร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน