นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันในตลาดน้ำดื่มมีการหั่นราคากันอย่างดุเดือดต่อเนื่องมา 3 ปี โดยเฉพาะในช่องทางโมเดิร์นเทรด ขณะที่สิงห์เป็นผู้นำตลาดน้ำดื่ม ล่าสุดได้นำเทคโนโลยี “Smart Micro Filter” มีประสิทธิภาพและความละเอียดสูง สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย สิ่งสกปรก ที่ปะปนมากับน้ำออกไป แต่คงไว้ซึ่งแร่ธาตุตามธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำดื่มสิงห์เท่านั้น มาใช้ในกระบวนการผลิตนี้กับสินค้าในโรงงานทุกแห่งทั้ง 7 โรงงานทั่วประเทศ

นายธิติพร กล่าวว่า เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างให้กับผู้บริโภค บริษัทได้วางงบประมาณการตลาดกว่า 200 ล้านบาท เพื่อจัดแคมเปญการตลาด “ดื่ม..สิ่งที่ใช้ให้ตัวเอง” ผ่านสื่อแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง โดยได้เลือก ณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นพรีเซ็นเตอร์ อีกทั้งยังมีการทำลอยัลตี้ โปรแกรมผ่านเครื่องมือออนไลน์ เพื่อต้องการทิ้งห่างผู้นำตลาดอันดับ 2 ของตลาดน้ำดื่ม นอกจากนี้ บริษัทยังคงทำตลาดน้ำดื่มขนาด 330 มล. การ์ตูนมายลิตเติ้ลโพนี่ รวมถึงการเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมดีสนีย์ออนไอซ์ จับกลุ่มเป้าหมายเด็กอย่างต่อเนื่อง เพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

โดยภาพรวมตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด ขวดพีอีที และแบบขวดแก้ว ณ สิ้นเดือนก.พ. 2562 (ย้อนหลัง 1 ปี) ในเชิงมีมูลค่าประมาณ 36,000 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 3,300 ล้านลิตร เติบโต 9.3% ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้อีก 10% โดยมูลค่าตลาดกังกล่าว แบ่งตามบรรจุภัณฑ์แบบขวดพีอีที (PET) มูลค่า 34,200 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 3,130 ล้านลิตร หรือคิดเป็นสัดส่วน 95% เติบโต 10% แบบขวดแก้ว (GLASS) มูลค่า 1,800 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 170 ล้านลิตร คิดเป็นสัดส่วน 5% โดยน้ำดื่มสิงห์ยังครองความเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 21% เพิ่มขึ้น 10% ตามด้วยคริสตัล 20.6% เนสท์เล่ 15.2% น้ำทิพย์ 8.3% ช้าง 2.4% และอควาฟิน่า 1.5%

สำหรับการรุกตลาดน้ำดื่มในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายมีการเติบโตใกล้เคียง 20% แล้ว และจบปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 23% โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์ทำตลาดหลักในบรรจุภัณฑ์ 2 แบบ ดังนี้ ขวดพีอีที มี 5 ขนาด ได้แก่ ขนาด 330 มล. ราคา 5 บาท, 600 มล. ราคา 7 บาท, 750 มล. ราคา 9 บาท, 1,500 มล. ราคา 14 บาท และ 6 ลิตร ราคา 40 บาท ส่วนขวดแก้วมีขนาด 500 มล. ราคา 10 บาท และน้ำถัง 19 ลิตร ราคา 65 บาท

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตสูงถึง 1,500 ล้านลิตรต่อปี และเพื่อรับมือภัยแล้งบริษัทได้มีการเร่งผลิตล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนกำลังการผลิตจะสูงกว่าปกติ 30-40%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน