‘Amazing Thailand’บุกย่างกุ้ง ดึงพม่าตรวจสุขภาพ-ช็อปปิ้งไทย
ปีนี้นักท่องเที่ยวตลาดหลัก อย่างตลาดยุโรปเริ่มแผ่ว เติบโตไม่มากเท่าที่ควร เนื่องจากหลายๆ ประเทศ ประสบปัญหาภายในประเทศรุมเร้า เช่น อังกฤษ ประสบปัญหาเบร็กซิต ฝรั่งเศสก็ประสบปัญหาม็อบเสื้อเหลือง ทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยหดตัวลง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงต้องปรับกลยุทธ์หันมาบุกตลาดกลุ่มประเทศ ซีแอลเอ็มวี (CLMV) คือ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม แทน เพื่อรักษาเป้ารายได้ท่องเที่ยวปี 2562 ไว้ที่ 3.4 ล้านล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนหน้า
เมียนมา เป็น 1 ในตลาดเป้าหมายที่ ททท. เร่งเข้าไปส่งเสริมการตลาดอย่างเข้มข้น เนื่องจากเป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวมียอดการใช้จ่ายต่อหัวสูงสุดเป็นอันดับ 1 โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 3-5 หมื่นบาทต่อคน และยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่มาก คือปีละ 4 แสนคน ซึ่งสามารถที่จะส่งเสริมให้เพิ่มขึ้นได้อีก
ระหว่าง วันที่ 29-31 มี.ค.2562 ททท. ได้จัดงาน “Amazing Thailand Travel Fair” ขึ้นที่นครย่างกุ้ง
ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการสื่อสารการตลาด ททท.
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29-31 มี.ค. ททท. ได้นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากประเทศไทยและผู้ประกอบการเมียนมา ที่เสนอขายประเทศไทย จำนวน 25 ราย เข้าร่วมกิจกรรมในงาน “Amazing Thailand Travel Fair 2019” ที่ห้าง Junction City Yangon ซึ่งเป็นการจัดงาน ส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ B2C (Business to consumer) เป็นครั้งแรก
เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และการบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักในตลาดเมียนมา พร้อมทั้งกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเมียนมาเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยให้ มากขึ้น สำหรับผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วม อาทิ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลพระรามเก้า สายการบินนกแอร์ การบินไทย เรือสำราญเจ้าพระยาครุยส์ กลุ่มห้าง สรรพสินค้าเซ็นทรัล มหานครรูฟท็อป เป็นต้น
มุ่งเน้นเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับ กลางและระดับสูง ที่มีศักยภาพในการใช้จ่าย เช่น กลุ่มข้าราชการ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ กลุ่มนักธุรกิจใช้กลยุทธ์เร่งกระตุ้นให้กลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าว มีการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ด้วยการนำกิจกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจมานำเสนอขาย เช่น การตรวจสุขภาพและการรักษาโรคในโรงพยาบาลไทย ที่มีความทันสมัย
กิจกรรมท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ และกำลังได้รับความนิยม คือ การเช็กอินดาดฟ้าตึกมหานคร การท่องเที่ยวสวนสนุกธีมปาร์กในไทย และเดินทางมาช็อปปิ้งที่ห้างดิไอคอนสยาม ทั้งนี้ ยอมรับว่าการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวพม่าปีนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เนื่องจากปัจจุบันพม่าเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนักจากปัญหาการถูกประกาศคว่ำบาตร จึงหันมาใช้กลยุทธ์เร่งเพิ่มการใช้จ่ายด้วยการนำกิจกรรมเด่น มาเสนอขายเพิ่มขึ้น
ปีนี้ตั้งเป้าที่จะผลักดันให้ปริมาณนักท่อง เที่ยวพม่า เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% หรือเพิ่มขึ้นจาก 4 แสนคนต่อปี เป็น 4.12 แสนคนต่อปี แม้ว่าเป้าปีนี้นักท่องเที่ยวจะเติบโตไม่มากนัก แต่มีความจำเป็นที่ต้องรักษาตลาดเมียนมาไว้ เพราะเป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน มั่นใจว่าหากเศรษฐกิจดีขึ้นคนเมียนมาจะกลับเข้ามา เที่ยวไทยเพิ่มอย่างขึ้นแน่นอน ซึ่งจากการจัดงาน 3 วัน ปรากฏว่า มียอดการจำหน่ายในงานประมาณ 4 ล้านบาท และสามารถสร้างการรับรู้กว่า 1 ล้านครั้ง
เพื่อต่อยอดประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ให้เกิดการรับรู้อย่างต่อเนื่อง ททท. ยังดำเนินการ wrap รถ Grab Taxi เป็นลาย Amazing Thailand ลายไทย ทะเล ตลาดนีออน แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ จำนวน 50 คัน วิ่งรอบกรุงย่างกุ้ง เป็นเวลา 3 เดือน โดยได้ร่วมตีธงปล่อยตัวคาราวานรถ Grab Taxi เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา
ตีธงปล่อยคาราวาน Grab Taxi แร็พเป็นลาย Amazing Thailand
Grab Taxi ที่แร็พ เป็นลาย Amazing Thailand
นางกุลปราโมทย์ วรรณะเลิศ ผู้อำนวยการกองตลาดอาเซียน ททท. กล่าวถึงภาพรวมการท่องเที่ยวตลาดพม่าและตลาดอาเซียนว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจะรู้รักตลาดท่องเที่ยวเฉพาะกรุงเทพฯ และพัทยา ดังนั้นปีนี้ จะโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่เพิ่มเติมด้วย เช่น หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต เขาใหญ่
โดยจะมีการนำเซเลบริตี้ เข้าไปถ่ายทำภาพยนตร์ เพื่อแนะนำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวของพม่าได้รู้จักมากขึ้น รวมทั้งจะรุกตลาดกลุ่มหนุ่มสาว ที่เดินทางท่องเที่ยวครั้งแรก หรือ First Visit ให้มากขึ้นด้วย ซึ่งประเทศไทย ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่ทันสมัย รวมทั้งสินค้า เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มวัยรุ่น
สายัณน์ อิกำเนิด ผจก.ทั่วไป สาขาย่างกุ้ง นกแอร์
นายสายัณน์ อิกำเนิด ผู้จัดการทั่วไป สาขาย่างกุ้ง สายการบินนกแอร์ระบุว่า ปัจจุบัน นกแอร์ มีเที่ยวบินไปกลับย่างกุ้งวันละ 3 เที่ยวบิน ช่วงเช้า 8 โมง ช่วงบ่าย และเที่ยวสุดท้ายช่วงค่ำประมาณ 2 ทุ่ม ปัจจุบันได้รับความนิยมจากคนย่างกุ้งมาก เพราะมีตารางเวลาการบินที่ดี ทำให้คนเมียนมาสามารถเดินทางไปกลับได้ภายใน 1 วัน ไปเที่ยวเช้ากลับเที่ยวค่ำ
สอดคล้องพฤติกรรมนักท่องเที่ยว กลุ่มที่เดินทางไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลในไทย กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางไปสั่งซื้อของที่ประตูน้ำ หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป ที่ไปช็อปปิ้งห้างที่เมืองไทย แล้วก็เดินทางกลับ วันเดียวกัน โดยไม่ต้องเสียค่าที่พัก ราคาตั๋วไปกลับเฉลี่ยเที่ยวละประมาณ 3,200 บาท นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่นิยม เดินทางไปท่องเที่ยวทะเล ก็ให้ความสนใจเดินทางโดยนกแอร์ และไปต่อเครื่องเพื่อไปเที่ยว ยังหาดใหญ่ ภูเก็ต อีกด้วย
ด้าน นางสาวณัชชาลีนี ดลเสมอ ซูเปอร์ไวเซอร์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สาขาเมียนมา ระบุว่า กลุ่มผู้มีรายได้สูงของเมียนมา นิยมเดินทางไปตรวจสุขภาพ และ รับการรักษาโรคเฉพาะทาง ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นจำนวนมากปีละหลายหมื่นคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะไทยมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย แพ็กเกจที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือการตรวจสุขภาพซึ่งมีราคาสูงระหว่าง 5,000-50,000 บาท การรักษา โรคมะเร็ง การผ่าตัดสมอง และส่วนอื่นๆ
ตัวแทนผู้ประกอบการเรือสำราญเจ้าพระยาครุย ส์ ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่เรือเจ้าพระยา ครุยส์ตัดสินใจเข้าร่วมงาน “Amazing Thailand Travel Fair ในนครย่างกุ้ง โดยมองว่า การท่องเที่ยวโดยเรือ น่าจะตอบโจทย์ชีวิตคนพม่าได้ดี และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้สูง
เนื่องจากปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการตลาดร่วมกับโรงพยาบาลเปาโลฯ โดยทาง โรงพยาบาล ซื้อตั๋วล่องเรือสำราญแถมฟรี ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพ ที่โรงพยาบาล 1 คนต่อ 1 ใบ แต่ปรากฏว่า มีผู้เข้ามาใช้บริการล่องเรือจริง มากกว่าจำนวนตั๋วที่ขายให้โรงพยาบาลถึง 3 เท่า โดยปีก่อนโรงพยาบาลซื้อตั๋วล่องเรือไป 300 ใบ แต่มี นักท่องเที่ยวพม่ามาใช้บริการเกือบ 1 พันคน
เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวพม่า ชอบเดินทางแบบครอบครัว ทำให้นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วล่องเรือ เพิ่มเป็นครอบครัวละ 3-4 ใบ ดังนั้นปีนี้ เรือเจ้าพระยาครุยส์ จึงตัดสินใจ มาเปิดตลาดด้วยตัวเองในพม่า คาดว่าจะได้รับความสนใจจากตลาด โดยปีนี้จัดทำโบรชัวร์เป็นภาษาพม่าด้วย
หวังว่า ตลาดพม่า และ CLMV จะร้อนแรงพอที่จะพยุงให้เป้ารายได้ท่องเที่ยวปีนี้ แตะถึงเป้า 3.4 ล้านล้านบาท
