นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าขณะนี้ต้องยอมรับว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจนสร้างความกังวลต่อภาคธุรกิจ ยิ่งสถานการณ์ยืดเยื้อจะยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนใหม่ๆ อาจจะชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น
ผู้ประกอบการจึงมีความกังวลต่อการเมืองภายในประเทศหลังการเลือกตั้ง และต้องการให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการค้าและการลงทุน ประกอบกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) เป็นปัจจัยกดดันการดำเนินธุรกิจ

“จากปัจจัยดังกล่าวประกอบกับปัจจัยภายนอกประเทศทั้งจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 104.2 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 105.4”นายสุพันธุ์ กล่าว

ขณะที่ ดัชนีฯเดือน มี.ค.2562 อยู่ที่ระดับ 96.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 95.6 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สูงสุดในรอบ 74 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.พ.2556 จากแรงหนุนด้านการบริโภคในประเทศ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ทำให้ยอดขายและยอดคำสั่งซื้อในกลุ่มสินค้าคงทนและสินค้าไม่คงทนปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น ยานยนต์ ก่อสร้าง สิ่งพิมพ์ และอาหาร

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการได้เร่งการผลิตเพื่อชดเชยในเดือนเม.ย.ที่มีวันทำงานน้อยกว่าปกติ เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สะท้อนได้จากดัชนีปริมาณการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ผู้ประกอบการเห็นว่าการบริโภคภายในประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน