เอกชนมองรัฐนาวาบิ๊กตู่2’ห่วงเศรษฐกิจเสียงปริ่มนำ : รายงานพิเศษ

เอกชนมองรัฐนาวา‘บิ๊กตู่2’ – หลังกำชัยชนะแบบขาดลอย ด้วย 500 คะแนน (..251+..249) ส่งให้บิ๊กตู่พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2

แน่นอนว่าย่อมถูกจับตาและคาดหวังมากขึ้นกว่า 5 ปี ที่บริหารประเทศจากการยึดอำนาจ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ที่ถือว่าเป็นจุดสลบในช่วงที่ผ่านมา

ส่วนจะทำได้มากขนาดไหน และจะมีปัญหาให้ตามแก้อย่างไร เอกชนจากหลายฝ่ายมีมุมมองที่น่าสนใจไม่น้อย

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (...) กล่าวว่า ราคาสินค้าเกษตรของไทยมีความไม่แน่นอนสูง ...จึงอยากให้รัฐบาลใหม่มีนโยบายดูแลสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพ เพราะจากการลงพื้นที่ของส... พบว่าเกษตรกรยังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

ทั้งที่ราคาสินค้าเกษตรจะทำให้เกษตกรมีรายได้ ขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจทุกภูมิภาคปรับตัวดีขึ้นได้

ส่วนกระแสข่าวการวางตัวให้คนของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้ามาดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์นั้น ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เนื่องจากสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการทำงานด้านกระทรวงเกษตรฯ และพาณิชย์เท่าที่ควร อย่างไรก็ตามต้องให้เวลาพิสูจน์ฝีมือ

นายสุพันธุ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้รัฐบาลควรนำมาตรการภาษีเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่น มาตรการยกเว้นค่าจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ มาตรการช็อปช่วยชาติ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 32% และลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 20% เป็นต้น

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการ คือรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ให้สามารถขยายตัวได้เฉลี่ย 3-4% โดยพิจารณาจากภาพรวมเศรษฐกิจให้ครบถ้วน เช่น กรอบอัตราเงินเฟ้อและการรักษาวินัยการเงินการคลัง ดูอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาลแม้พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคจะมี นโยบายที่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าเมื่อเจรจากันได้ข้อสรุปจะประกาศนโยบายที่ชัดเจนเป็นทิศทางเดียวกันแน่นอน

นายพนันดร อรุณีนิรมาน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีมาจากขั้วการเมืองเดิม ทำให้การสานต่อนโยบายมีความต่อเนื่อง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

แต่สถานการณ์ด้านการเมืองในระยะข้างหน้ายังมีความท้าทายอยู่อีกหลายประการ เนื่องจากเสียง ..ระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านมีใกล้เคียงกัน อาจจะทำให้การผลักดันนโยบายหรือการผ่านร่างกฎหมายของฝ่ายรัฐบาลมีความยากลำบาก อีกทั้งการเป็นรัฐบาลผสมจากหลายพรรคการเมือง อาจทำให้การประสานผลประโยชน์ระหว่างพรรคทำได้ยาก

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า การได้นายกรัฐมนตรีที่เป็นคนเดิม จะทำให้โครงการต่างๆ ที่ดำเนินการไปแล้ว อย่างเมกะโปรเจ็กต์โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะดำเนินการต่อเนื่อง

แต่หนักใจที่รัฐบาลใหม่ยังตั้งไม่เสร็จ ทำให้ประชาชนรอคอยและเราเสียโอกาส ตลอดจนหน้าตารัฐบาลใหม่ ถ้าหน้าตาดี มีความมั่นคง มีเสถียรภาพก็อยู่ได้นาน แต่ถ้าไม่ก็ไม่มีเสถียรภาพก็จะกระทบภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังของปีนี้

..กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือสภาผู้ส่งออก(สรท.) กล่าวว่า การได้นายกรัฐมนตรีคนเดิมไม่อยากให้มุ่งไปที่ตัวบุคคล แต่ให้มุ่งไปที่นโยบายในภาพรวม

นอกจากนั้นในส่วนของโครงการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภค รถไฟฟ้า สนามบิน ท่าเรือ ขนส่งทางราง ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เอื้อต่อภาคเอกชน ขณะเดียวกันนโยบายบางอย่างก็มีความน่าเป็นห่วงหากเป็นการแจกเงิน ให้เงิน เพิ่มค่าแรง ซึ่งเท่ากับว่าจะเป็นภาระต่อภาครัฐและเอกชนในระยะยาว

การจัดตั้งรัฐบาลนั้นไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ขอให้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ แก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขัน เพราะขณะนี้เงินลงทุนส่วนใหญ่ไหลไปที่เวียดนาม ซึ่งรัฐบาลต้องไม่ทะเลาะเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์กัน ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะหากการเมืองไม่นิ่งความน่าเชื่อถือทั้งด้านการค้าการลงทุนก็ตกต่ำลงไปด้วย

ส่วน นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด และรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มองว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ ประยุทธ์ อีกสมัย น่าจะส่งผลให้เกิดความต่อเนื่องในนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายด้านการลงทุน การค้า การส่งออก การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย อย่างเช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความต่อเนื่อง และความมั่นใจให้กับ นักลงทุน

ถึงแม้ว่ามีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลนี้อาจจะไม่มีเสถียรภาพในการใช้เสียงในสภา เพื่อพิจารณานโยบายต่างๆ แต่คิดว่าก็มีข้อดีโดยเฉพาะการที่มีฝ่ายค้านตรวจสอบในสภา จะทำให้เกิดประสิทธิ ภาพในกำกับดูแลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดตั้งครม. ให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจ และความชัดเจนของนโยบายจากรัฐบาล

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขาย และการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล..ประยุทธ์ ช่วยสร้างความมั่นใจ และทำให้ทิศทางของเศรษฐกิจพอคาดเดาได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งที่น่ากังวลในตอนนี้ก็คือเรื่องเศรษฐกิจโลก ที่กระทบทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ข้อดีของการได้นายกรัฐมนตรีที่มาจากขั้วการเมืองเดิมก่อนการเลือกตั้งทำให้มีความ ต่อเนื่องของนโยบายต่างๆ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องการความต่อเนื่องด้านการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าความเร็วสูง ตลอดจนโครงการอีอีซี ก็เช่นกัน

โดยปกติแล้วเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ จะมีแนวคิดหรือมีมุมมองต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อาจแตกต่างออกไป ซึ่งถ้าเช่นนั้นอาจต้องปรับตัว แต่เมื่อได้รัฐบาลจากขั้วเดิมทำให้มีความต่อเนื่องมากขึ้น

จากมุมมองของภาคเอกชนส่วนต่างๆ เห็นได้ว่าทุกภาคส่วนล้วนแต่ห่วงปัญหาด้านเศรษฐกิจ และตั้งความหวังว่ารัฐบาลบิ๊กตู่ 2’ จะให้น้ำหนักมากเป็นพิเศษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน