‘สุริยะ’ สั่งสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมรื้อมาตรการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควรทั้งที่รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมมาแล้ว 2 ปี – จีบจีนดูงานอีอีซี

‘สุริยะ’สั่งรื้อมาตรการส่งเสริมอีวี – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยในโอกาสมอบนโยบายสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ว่า เบื้องต้นให้สศอ. ทบทวนมาตรการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในประเทศ เนื่องจากไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควรทั้งที่รัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมมาแล้ว 2 ปี โดยยอมรับว่าส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์อีวีที่ยังมีจำนวนไม่มาก ประกอบกับราคารถยนต์อีวียังอยู่ในระดับสูง

ขณะที่กระทรวงฯ จะเชิญนักลงทุนจีนกว่า 300 ราย เข้ามารับทราบนโยบายของรัฐบาลใหม่ในการสนับสนุนมาตรการการลงทุนต่างๆ ในช่วงเดือนก.ย. รวมถึงพาเยี่ยมชมพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อให้เห็นสถานที่จริง เป็นการทำงานเชิงรุกเพื่อกระตุ้นการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งเห็นชอบแนวทางของสศอ. ที่เสนอให้มีการจัดตั้งสำนักงานที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรมในต่างประเทศ ณ ประเทศจีน เพิ่มเติม เนื่องจากจีนเป็นประเทศใหญ่ มีศักยภาพ มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก

“ขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมระหว่างกรุงปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ โดยยืนยันสำนักงานนี้จะไม่ซ้ำซ้อนกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในต่างประเทศที่เดิมมีอยู่แล้วในแต่ละประเทศ เพราะบีโอไอจะทำหน้าที่ชักจูงนักลงทุน คุยเรื่องสิทธิประโยชน์ ส่วนเราจะทำหน้าที่ในการทำข้อตกลงกับหน่วยงานด้านอุตสาหกรรมที่อยู่ในพื้นที่โดยตรงว่าจะมีความร่วมมืออะไรกันบ้าง”

นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า สศอ. อยู่ระหว่างพิจารณาปรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าให้ตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเข้มแข็ง เนื่องจากที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหา 3 เรื่อง คือ 1. รถยนต์ไฟฟ้ายังมีราคาสูงเกินไปตั้งแต่ 1.2 ล้านบาทขึ้นไป ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังอยู่ในวงแคบ ไม่ดึงดูดให้เกิดฐานการลงทุนขนาดใหญ่ในไทย ดังนั้นจึงต้องออกมาตรการเข้ามาเสริมเพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาต่ำกว่า 8 แสนบาทต่อคัน

ทั้งนี้ หวังว่ามาตรการใหม่จะเพิ่มการส่งเสริมเพื่อให้เกิดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมถึงรถสามล้อไฟฟ้า และรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อให้มีราคาลดลงจนคนทั่วไปเข้าถึงได้ ทำให้ไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เข็มแข็งในภูมิภาคนี้ต่อไป โดยต้องปรับมาตรการส่งเสริมให้เกิดการผลิตรถยนต์ที่มีปลั๊กชาร์จไฟฟ้าให้มาก จึงจะเกิดการสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าตามมา รวมทั้งจะต้องหารือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ให้อาคารจอดรถในคอนโดมิเนียม สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ เมื่อมีสถานีชาร์จไฟฟ้ามากก็จะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

2. มาตรการเดิมไม่สามารถดึงดูดเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าหลักเข้ามาลงทุนในไทยได้ โดยมาตรการใหม่จะปรับกฎเกณฑ์ เพื่อดึงดูดการลงทุนในชิ้นส่วนหลัก เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ และระบบควบคุมการขับรถ เพื่อยกระดับให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช่เป็นเพียงการประกอบรถยนต์ไฟฟ้า และ 3. การส่งเสริมให้เกิดการตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ามากขึ้น จะส่งเสริมให้เน้นการผลิตรถยนต์ที่มีระบบชาร์จไฟฟ้า เช่น รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้า และใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ และรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 15 ส.ค.นี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางตรวจเยี่ยมกระทรวงพลังงานเและมอบนโยบายขับเคลื่อนพลังงานเพื่อทุกคน โดยมีเป้าหมายให้พลังงานมีส่วนลดภาระรายจ่ายและเพิ่มรายได้ประชาชน รวมถึงการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานระยะยาวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน