นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทำเลศักยภาพทองหล่อมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อจากถนนสุขุมวิท จึงทำให้ย่านนี้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยทองหล่อเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ที่มีฐานะดี ประกอบด้วยเศรษฐี ผู้ดีเก่า ข้าราชการระดับสูง และเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ จนกลายเป็นสังคมของคนพรีเมี่ยมมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติหลายเชื้อชาติอยู่อาศัย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่มาตั้งถิ่นฐานเป็นจำนวนมาก จนทำให้ปัจจุบันย่านนี้ถูกขนานนามว่า เป็น “ลิตเติ้ลโตเกียว”

ปัจจุบันที่ดินในย่านทองหล่อเหลือที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เริ่มลดน้อยลงเต็มทีแล้ว เรียกได้ว่าทำเลเด่นๆ เช่น ย่านกลางซอยที่เป็น Prime area แทบไม่มีเหลือเลยจึงทำให้ที่ดินย่านนี้มาราคาสูง โดยจากราคาประเมินที่ดินซอยทองหล่อของกรมธนารักษ์ในปี 2559-2562 กระโดดสูงขึ้นถึง 420,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งราคาซื้อขายจริงคาดว่าจะก้าวกระโดดไปไม่ต่ำกว่า 20-30% โดยเฉพาะะทำเลติดถนนหรือใกล้ BTS ทองหล่อ ในทำเลนี้ ราคาขายที่ดินอยู่ที่โดยประมาณ 1.3-1.6 ล้านบาทต่อตารางวา

ขณะที่ราคาคอนโดฯ ในย่านนี้เติบโตสูงขึ้นถึง 21% มาอยู่ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 161,000 บาทต่อตารางเมตร และหากเป็นโครงการใหม่ติดถนน ขึ้นไปแตะที่ 250,000-300,000 บาทต่อตารางเมตร ส่งผลให้ราคาขายต่อของคอนโดฯ ย่านนี้มีราคาเฉลี่ยสูงขึ้นจากเดิม 11% มาอยู่ที่ประมาณ 182,000 บาทต่อตารางเมตร แม้แต่ในซอยข้างเคียงอย่าง สุขุมวิท 38 ราคาขายต่อยังสูงถึง 170,000 บาทต่อตารางเมตร

ส่วนค่าเช่าคอนโดฯ ยิ่งได้รับความสนใจที่ดี เพราะปล่อยเช่าได้สูงถึง 700-1,000 บาทต่อตารางเมตรโดยกลุ่มชาวต่างชาติญี่ปุ่นและสังคมคนรายได้สูงชอบซื้อคอนโดฯ ไว้ลงปล่อยเช่ามาก โดยห้องที่นิยมคือห้อง 1-2 ห้องนอน

ทั้งนี้ แสนสิริได้พัฒนาโครงการบนทำเลทองหล่อไปแล้วทั้งสิ้นรวม 4 โครงการ จำนวนกว่า 1,300 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีจำนวนโครงการมากที่สุดในย่านนี้ หรือนับว่าเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนในทำเลทองหล่อ

ล่าสุดแสนสิริเตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ในทำเลทองหล่อ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือ โครงการคอนโดมิเนียมในระดับไฮเอนด์ “เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ” จำนวน 127 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นอาคารที่สูงที่สุดบนถนนทองหล่อ ด้วยความสูง 46 ชั้น และจะเป็น Landmark แห่งใหม่บนย่านนี้

“ตลาดคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมในย่านใจกลางเมือง เป็นการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย เนื่องจากสภาวะตลาดปัจจุบันผู้ประกอบการที่จะแข่งขันในตลาดนี้ ต้องมีฐานเงินทุนที่มั่นคงจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นอย่างมาก จากการที่ ที่ดินที่เหมาะสมกับการพัฒนาโครงการระดับพรีเมียมใจกลางเมืองหายากมากขึ้น ดังนั้นสินค้าใหม่ๆ ในตลาดนี้จึงมีอยู่ไม่มากขณะที่ความต้องการสินค้าระดับบนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง” นายอุทัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน